อียูยั้งมือ ไม่ตอบโต้ทรัมป์ทันที ยืดภาษีโต้กลับไปถึงต้น ส.ค. แต่พร้อมสวนกลับ หากเจรจาไร้ผล

อียูยั้งมือ ไม่ตอบโต้ทรัมป์ทันที ยืดภาษีโต้กลับไปถึงต้น ส.ค. แต่พร้อมสวนกลับ หากเจรจาไร้ผล

อียูเผชิญสถานการณ์ตึงเครียด หลังทรัมป์ขู่ขึ้นภาษี 30% เริ่ม 1 ส.ค.นี้ พร้อมกดดันให้อ่อนข้อเพิ่มเติม แต่อียูยังไม่ตอบโต้ทันที ยืดเวลาตอบโต้จนถึงต้นเดือนสิงหาคม หวังมีการตกลงกับทรัมป์ได้จากช่องทางเจรจา

สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า สหภาพยุโรป (อียู) เตรียม “ยืดเวลาตอบโต้” ภาษีนำเข้าของทรัมป์ออกไปจนถึง “ต้นเดือนสิงหาคม” และยังคงผลักดันการเจรจา เพื่อหาข้อตกลงร่วมกันต่อไป ขณะที่ปธน.ทรัมป์กดดันให้ประเทศคู่ค้ายอมอ่อนข้อเพิ่มเติม

ทรัมป์กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า เขาจะเรียกเก็บ “ภาษี 30%” สำหรับสินค้านำเข้าส่วนใหญ่จากสหภาพยุโรปและเม็กซิโก เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ซึ่งถือเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อประเทศอื่น ๆ ด้วย 

เควิน แฮสเซ็ตต์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่า “ข้อเสนอข้อตกลงทางการค้าจากประเทศต่าง ๆ ที่ผ่านมา ยังไม่เป็นที่พอใจของประธานาธิบดีทรัมป์” 

“ประธานาธิบดีคิดว่าข้อตกลงเหล่านี้ จำเป็นต้องดีกว่านี้” แฮสเซ็ตต์กล่าวในรายการ This Week ของสถานีข่าว ABC” และเพื่อแสดงจุดยืนอย่างชัดเจน เขาจึงส่งจดหมายเหล่านี้ออกไปถึงหลายฝ่าย แล้วเราจะได้เห็นกันว่า จะเป็นอย่างไรต่อไป

อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบนโยบายการค้าของสหภาพยุโรปทั้ง 27 ประเทศสมาชิกกล่าวว่า สหภาพยุโรปจะคงแนวทางสองทางไว้เช่นเดิม ได้แก่ เดินหน้าเจรจา และเตรียมมาตรการตอบโต้ไว้พร้อมกัน

“เรายืนยันมาโดยตลอดว่า เราต้องการทางออกผ่านการเจรจา นี่ยังคงเป็นจุดยืนของเรา และเราจะใช้เวลาที่มีอยู่ในตอนนี้ให้เกิดประโยชน์” ฟอน แดร์ ไลเอินกล่าวในการแถลงข่าว พร้อมทั้งเสริมว่าสหภาพยุโรปจะขยายเวลาระงับมาตรการตอบโต้ไปจนถึงเดือนสิงหาคม

การตัดสินใจของฟอน แดร์ ไลเอินที่จะไม่ตอบโต้ในทันที สะท้อนถึงความตั้งใจของคณะกรรมาธิการยุโรปที่จะหลีกเลี่ยงการยกระดับสงครามการค้าแบบตอบโต้กันไปมาในลักษณะปะทะกลับ ซึ่งอาจบานปลาย หากยังคงมีโอกาสเจรจา เพื่อหาข้อตกลงที่ดีกว่าเดิมได้

ด้านฟรีดริช เมิร์ซ นายกรัฐมนตรีเยอรมนีกล่าวว่า เขา “มุ่งมั่นอย่างจริงจัง” ที่จะหาทางออกด้านการค้าร่วมกับสหรัฐ โดยให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์สาธารณะ ARD ของเยอรมนีว่า เขาจะทำงานอย่างเข้มข้นในเรื่องนี้ร่วมกับฟอน แดร์ ไลเอิน และเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสตลอดช่วงสองสัปดาห์ครึ่งข้างหน้า

เมื่อถูกถามถึงผลกระทบของภาษีศุลกากร 30% จากสหรัฐต่อเยอรมนี เมิร์ซกล่าวว่า “หากเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง เราคงต้องเลื่อนความพยายามด้านนโยบายเศรษฐกิจครั้งใหญ่หลายประการออกไป เพราะจะกระทบทุกอย่าง และจะเล่นงานอุตสาหกรรมส่งออกของเยอรมนีอย่างจัง”

ท่าทีล่าสุดจากทรัมป์และคำถามว่าจะตอบโต้เช่นไร อาจกลายเป็นบททดสอบความเป็นเอกภาพของชาติสมาชิกในสหภาพยุโรป โดยฝรั่งเศสดูเหมือนจะมีจุดยืนที่แข็งกร้าวกว่าเยอรมนี ซึ่งเป็นมหาอำนาจด้านอุตสาหกรรมของกลุ่ม และมีเศรษฐกิจที่พึ่งพาการส่งออกอย่างมาก

มาครง กล่าวว่า คณะกรรมาธิการยุโรปจำเป็นมากกว่าที่เคยที่จะ “แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสหภาพฯ ในการปกป้องผลประโยชน์ของยุโรปอย่างเด็ดเดี่ยว” และการตอบโต้ในครั้งนี้อาจจำเป็นต้องรวมถึงเครื่องมือป้องกันการบีบบังคับด้วย

“หากไม่สามารถหาข้อตกลงที่เป็นธรรมผ่านการเจรจาได้สำเร็จ เราจำเป็นต้องใช้มาตรการตอบโต้ที่เด็ดขาดเพื่อปกป้องงานและบริษัทต่าง ๆ ในยุโรป” ลาร์ส คลิงไบล์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของเยอรมนีกล่าว

แม้สหภาพยุโรปจะยังไม่ตอบโต้สหรัฐตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่ก็ได้จัดเตรียมแผนตอบโต้ไว้ 2 ชุด ซึ่งรวมกันอาจกระทบสินค้าสหรัฐ คิดเป็นมูลค่ารวมถึง 93,000 ล้านยูโร

“แผนชุดแรก” เป็นการตอบโต้ภาษีของสหรัฐที่เรียกเก็บ 50% กับเหล็กและอะลูมิเนียมนำเข้า ซึ่งจะกระทบสินค้าสหรัฐ มูลค่า 21,000 ล้านยูโร โดยมาตรการนี้ถูกระงับไว้ 90 วันตั้งแต่เดือนเมษายน เพื่อเปิดทางให้การเจรจา และเดิมมีกำหนดหมดอายุในวันจันทร์ ก่อนที่การขยายเวลาจะถูกประกาศออกมา

“แผนชุดที่สอง” เป็นมาตรการตอบโต้ภาษีต่างตอบแทนที่ทรัมป์ประกาศในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเล็งเป้าสินค้าสหรัฐ มูลค่า 72,000 ล้านยูโร มาตรการชุดนี้ยังไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะ และรายชื่อสินค้าสุดท้ายยังต้องได้รับความเห็นชอบจากประเทศสมาชิกก่อน

อ้างอิง: reuters