PBOC แนะ 'สี' กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม 2.09 แสนล้านดอลล์ รับมือภาษีทรัมป์

PBOC แนะ 'สี' กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม 2.09 แสนล้านดอลล์ รับมือภาษีทรัมป์

คณะทำงานของ PBOC และนักวิชาการ แนะ ‘สี จิ้นผิง’ กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม 2.09 แสนล้านดอลล์ เพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศ รับมือภาษีทรัมป์

KEY

POINTS

  • PBOC และนักวิชาการ เสนอให้รัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมมูลค่า 1-1.5 ล้านล้านหยวน (ประมาณ 2.09 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อรับมือผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐ
  • ข้อเสนอดังกล่าวมีขึ้นเพื่อส่งเสริมการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและลดผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐที่อยู่ในระดับ 20-30% ซึ่งเป็นความท้าทายใหม่เพิ่มเติมจากปัญหาเงินฝืดและตลาดอสังหาฯ ที่ชะลอตัว
  • มาตรการที่เสนอมีขนาดใหญ่กว่าแผนกระตุ้นเศรษฐกิจปัจจุบันของรัฐบาลที่ตั้งไว้ 3 แสนล้านหยวน
  • นอกจากมาตรการทางการคลังแล้ว กลุ่มนักวิชาการยังแนะนำให้ PBOC ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายและ Loan Prime Rate เพิ่มเติม เพื่อสร้างความคาดหวังเชิงบวกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญความท้าทายที่รุนแรงขึ้นตั้งแต่เดือนเม.ย. 2025 หลังจากสหรัฐอเมริกาขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน ซึ่งนักวิชาการจำนวนมากระบุว่าเป็น "ความท้าทายเพิ่มเติม" จากปัญหาเงินฝืดที่จีนเผชิญอยู่ก่อนหน้านั้นแล้ว สถานการณ์ภายในประเทศยังคงมีความน่าเป็นห่วง โดย “ตลาดอสังหาริมทรัพย์” ยังคงไม่ฟื้นตัวและธุรกิจจำนวนมากต้องลดราคาสินค้าและบริการเพื่อรักษาลูกค้า ซึ่งสร้างแรงกดดันเงินฝืดเพิ่มเติม

“หวาง อี่ผิง” สมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางจีน ร่วมกับ “กั๋ว ไค” อดีตเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางจีน รวมทั้ง “อัลเฟรด ชิปเก” ผู้อำนวยการสถาบันเอเชียตะวันออกแห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติสิงคโปร์ เสนอให้รัฐบาลจีนเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1-1.5 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 2.09 แสนล้านดอลลาร์ ภายใน 12 เดือน เพื่อส่งเสริมการใช้จ่ายของครัวเรือนและลดผลกระทบจากภาษีนำเข้าของสหรัฐ ที่อยู่ในระดับ 20-30%

บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า ขนาดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนี้มีขนาดใหญ่กว่ามาตรการปัจจุบันซึ่งอยู่ที่เพียง 3 แสนล้านหยวน หรือประมาณ​ 4.2 หมื่นล้านดอลลาร์ ที่รัฐบาลกลางวางแผนไว้ในปีนี้ผ่านการออกพันธบัตรรัฐพิเศษระยะยาวเพื่อเงินอุดหนุนการซื้อสินค้าของผู้บริโภค

นักวิชาการกลุ่มนี้เห็นว่าธนาคารกลางจีนยังมีพื้นที่ในการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม และควรแนะนำธนาคารพาณิชย์ให้ลด Loan Prime Rate เพื่อสร้างความคาดหวังเชิงบวกต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในเชิงมูลค่า ซึ่งมีความสำคัญต่อกำไรของบริษัทต่างๆ นอกจากนี้ ธนาคารกลางควรรักษาความยืดหยุ่นของเงินหยวนในระดับที่เพียงพอเพื่อรับมือกับแรงกระแทกจากภายนอกในอนาคต

ทั้งนี้ Loan Prime Rate คือ อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงที่ธนาคารพาณิชย์ใช้เป็นฐานในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับลูกค้าที่มีคุณภาพสินเชื่อดีที่สุด

ในระยะยาว รัฐบาลจีนจำเป็นต้องขยายฐานภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและลดความซับซ้อนของโครงสร้างภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปที่จะรับประกันความยั่งยืนของฐานะทางการคลัง นักวิชาการยังเรียกร้องให้มีการบริหารความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสินเชื่อให้กับวิสาหกิจขนาดเล็กและกลาง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของธนาคารในการให้สินเชื่อแก่ภาคการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ปัญหาสินเชื่อวิสาหกิจขนาดเล็กและกลาง

หลังจากรัฐบาลส่งเสริมนโยบายการให้สินเชื่อแก่วิสาหกิจขนาดเล็กและกลางและการขยายกำหนดเวลาชำระหนี้คืน สินเชื่อคงค้าง (Outstanding Loads) ให้กับกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นเป็น 60% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของจีน จากระดับ 37% ในปี 2019 และมีมูลค่าสูงกว่าสินเชื่อที่ให้กับหน่วยงานจัดหาเงินทุนของรัฐบาลท้องถิ่น สถานการณ์นี้สร้างความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงในระบบการเงินและการจัดสรรทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพ

นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าปักกิ่งจะผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติมในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพื่อปกป้องเศรษฐกิจจากการตกต่ำที่อาจเกิดขึ้นในภาคการส่งออกจากภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และการเข้มงวดของวอชิงตันในการตรวจสอบการส่งสินค้าผ่านเส้นทางอ้อมของจีน (Transshipping) ข้อเสนอแนะของนักวิชาการกลุ่มนี้สะท้อนถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการดำเนินมาตรการที่มีประสิทธิภาพเพื่อรับมือกับความท้าทายทั้งภายในและภายนอกประเทศที่เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญอยู่