มองการแต่งงานของ เจฟฟ์ เบซอส มหาเศรษฐีอเมริกันที่เวนิส

มองการแต่งงานของ เจฟฟ์ เบซอส มหาเศรษฐีอเมริกันที่เวนิส

งานฉลองการแต่งงานของมหาเศรษฐีอเมริกัน เจฟฟ์ เบซอส เป็นเรื่องใหญ่ที่สื่อให้ความสำคัญอยู่หลายวัน นิตยสารฟอร์บส์คำนวณว่านายเบซอสร่ำรวยเป็นอันดับ 3 ของโลกด้วยทรัพย์สินราว 2.2 แสนล้านดอลลาร์

งานนั้นสะท้อนความร่ำรวยของเขา เนื่องจากจัดขึ้นอย่างมโหฬารเป็นเวลา 3 วัน ณ เมืองเวนิส ประเทศอิตาลี

งานมโหฬารจำพวกนี้นานๆ มีครั้งและอาจมองได้จากหลายแง่มุม

มุมง่ายคงได้แก่ด้านการบันเทิง แขกราว 200 คนมาจากทุกวงการและมาถึงงานในเครื่องแต่งกายหลากหลายแนว แขกจากวงการแสดงอเมริกันมักแต่งกายกันแบบไปงานรางวัลตุ๊กตาทอง ซึ่งมีทั้งจำพวกมองได้ว่าสวยงามและจำพวกขบขัน การแต่งหน้าอันหลากหลายก็อาจมองได้ว่างามบ้างและออกไปทางแปลกบ้าง 

สำหรับบางคน ภูมิหลังของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวคงชวนให้คิดต่อไปว่าจะอยู่ด้วยกันได้นานสมกับความมโหฬารของงานหรือไม่ ในเมื่อทั้งคู่เคยผ่านชีวิตแต่งงานที่จบลงด้วยการหย่าร้างมาแล้ว

มองการแต่งงานของ เจฟฟ์ เบซอส มหาเศรษฐีอเมริกันที่เวนิส

นิตยสารฟอร์บส์ รายงานว่า ค่าใช้จ่ายที่มีหลักฐานยืนยันแน่นอนรวมได้กว่า 20 ล้านดอลลาร์ ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์ประเมินว่าน่าจะอยู่ระหว่าง 47-57 ล้านดอลลาร์ 

ค่าใช้จ่ายนี้และของแขกที่ไปร่วมงานย่อมมีปฏิกิริยาลูกโซ่ต่อไปจากรายได้ในรูปกำไรของเจ้าของกิจการและค่าแรงงานของพนักงาน นอกเหนือจากค่าสินค้าและบริการสารพัดชนิดที่กระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัว

อย่างไรก็ดี การกระตุ้นเศรษฐกิจมีมุมกลับสำหรับชาวเมืองเวนิส ทั้งนี้เพราะตามธรรมดามีผู้ไปเยือนเมืองเวนิสกันจนล้มหลาม ทำให้รัฐบาลต้องดำเนินมาตรการจำกัดจำนวนอยู่แล้ว

เมืองนั้นมีความเปราะบางหลายด้านเพราะเป็นเมืองเก่าที่ตั้งอยู่บนหมู่เกาะเล็กๆ นอกชายฝั่งของแผ่นดินใหญ่ อาคารตั้งอยู่ปริ่มน้ำอย่างแออัดและมักทรุดตัวลงท่ามกลางระดับน้ำทะเลที่ค่อยๆ สูงขึ้น ส่งผลให้หลายส่วนของเมืองประสบภาวะน้ำท่วมบ่อยมาก 

นอกจากนั้น สภาพทางภูมิศาสตร์และกิจกรรมของมนุษย์ที่เพิ่มขึ้นยังทำให้เกิดปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ขยะพลาสติก น้ำเสีย หรืออากาศเป็นพิษจากควันของเรือจำนวนมากที่ใช้ในการเดินทาง 

ชาวเวนิสจำนวนมากจึงออกมาต่อต้านอย่างเข้มข้น จนผู้จัดงานต้องย้ายสถานที่ จากจุดที่มีความนิยมและแออัดสูงสุด ไปยังแหล่งที่มีความนิยมและแออัดน้อยกว่า

จากมุมมองของการเกิดควันอันเนื่องมาจากการใช้เครื่องยนต์ ไม่เฉพาะชาวเมืองเวนิสเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ ชาวโลกโดยทั่วไปก็ได้รับเช่นกัน ด้านหนึ่งซึ่งเรามักคิดไม่ถึง ได้แก่ การใช้เครื่องบินส่วนตัวของเศรษฐีที่ไปร่วมงาน

 โลกมีมหาเศรษฐีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จำนวนเครื่องบินส่วนตัวของพวกเขาเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด และเริ่มเพิ่มปัญหาอย่างมีนัยสำคัญทางด้านปล่อยก๊าซเรือนกระจกอันเป็นปัจจัยทำให้เกิดภาวะโลกร้อน

มองการแต่งงานของ เจฟฟ์ เบซอส มหาเศรษฐีอเมริกันที่เวนิส

มุมยากและอาจทำให้เกิดความลำบากใจ ได้แก่ ด้านการใช้ทรัพยากร การใช้จ่ายและกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวนั้นมีด้านการใช้ทรัพยากรเป็นเงาตามตัว

เสื้อผ้าอาภรณ์ใหม่ที่สวมไปในงานและการเดินทางต่างก็ใช้ทรัพยากร หากเป็นอาภรณ์จำพวกเพชรนิลจินดา ความเสียหายอาจขึ้นในป่าใหญ่ในแอฟริกามาแล้ว

การขายได้ย่อมเสี่ยงต่อการทำความเสียหายเพิ่มขึ้นให้พื้นที่ซึ่งมีวัตถุดิบ การใช้ทรัพยากรเหล่านี้มีคำถามเกี่ยวกับความจำเป็น เช่น ทั้งคู่บ่าวสาวและแขกส่วนใหญ่เป็นชาวอเมริกัน หากงานจัดขึ้นในอเมริกา ค่าเดินทางย่อมน้อยลงโดยเฉพาะการใช้เครื่องบินส่วนตัว

เมื่อพูดถึงความจำเป็นย่อมเกิดประเด็นที่เห็นต่างกัน หรืออาจเกิดความเข้าใจผิด จริงอยู่คู่แต่งงานเป็นมหาเศรษฐีที่ประสงค์จะบอกให้ชาวโลกรู้และดีใจกับตนในโอกาสสำคัญ

แต่การใช้เงินเพียง 5 ล้านดอลลาร์จัดงานในอเมริกาคงได้ผลไม่ต่างกัน ยิ่งเป็นพิธีกรรมแนวมโหฬารที่จัดกันข้ามวันข้ามคืนด้วยแล้ว ยิ่งเป็นการใช้ทรัพยากรโลกเกินความจำเป็นสูงมาก หากโลกมีทรัพยากรให้ใช้แบบไม่จำกัด 

การใช้มันเกินความจำเป็นย่อมไม่ทำให้เกิดประเด็นจำพวกภาวะโลกร้อน เมื่อโลกตกอยู่ในภาวะเช่นนี้ ทุกวงการควรเริ่มลดพิธีกรรมลงจนเหลือเท่าที่จำเป็นเท่านั้น เราควรตระหนักในหลักของชาร์ลส์ ดาร์วินที่ว่า สายพันธุ์ไหนไม่ปรับตัว สายพันธุ์นั้นย่อมสูญพันธุ์.