ดัชนีราคาผู้ผลิตจีนดิ่งเหวสุดรอบ 2 ปี ติดหล่ม 'สงครามราคา-ภาวะเงินฝืด'

ดัชนีราคาผู้ผลิตจีนดิ่งเหวสุดรอบ 2 ปี ติดหล่ม 'สงครามราคา-ภาวะเงินฝืด'

ดัชนีราคาผู้ผลิตจีนเดือนมิ.ย. ร่วงลงต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี ติดหล่ม 'สงครามราคา-ภาวะเงินฝืด' ขณะปักกิ่งเร่งคุมสงครามราคาที่ยังไม่จบสิ้น นักวิเคราะห์ชี้แก้ยากตราบใดที่จีนยังผลิตล้น 'โอเวอร์ซัพพลาย' และรัฐไม่กระตุ้นจริงจังมากพอ

KEY

POINTS

  • ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ของจีนในเดือนมิถุนายนลดลง 3.6% ซึ่งเป็นการหดตัวที่รุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี
  • สาเหตุหลักเกิดจาก "สงครามราคา" ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ประกอบกับความต้องการของผู้บริโภคที่ซบเซา ทำให้ดัชนีติดอยู่ในภาวะเงินฝืด
  • สงครามราคาส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำไรของภาคอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลงอย่างมาก
  • ผู้เชี่ยวชาญมองว่าหากไม่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง ก็เป็นเรื่องยากที่จีนจะหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืดได้

ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในจีนเดือนมิ.ย. ปรับตัวร่วงลงถึง 3.6% เมื่อเทียบเดือนเดียวกันปีก่อน นับเป็นการลดลงที่มากที่สุดในรอบเกือบ 2 ปี เนื่องจาก "สงครามราคา" ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่เผชิญความต้องการของผู้บริโภคที่ซบเซาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ตัวเลขล่าสุดนี้ยังออกมาแย่กว่าที่ผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์สคาดการณ์ไว้ว่าจะลดลง 3.2% โดยถือเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. 2023 ตามข้อมูลของ LSEG และดัชนีราคาผู้ผลิตก็ติดอยู่ในแนวโน้ม "ภาวะเงินฝืด" มาหลายปีแล้วนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2022

ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในเดือนเดียวกัน ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ 0.1% จากปีก่อน ซึ่งนับเป็นการกลับมาเติบโตอีกครั้งหลังจากที่ลดลงมา 4 เดือนติดต่อกัน และดีว่าผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์สที่คาดว่าตัวเลขจะทรงตัวจากปีที่แล้ว 

ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีนระบุว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.7% จากปีก่อน ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 14 เดือน 

อย่างไรก็ตาม ดัชนี CSI 300 ตลาดหุ้นจีน ยังเคลื่อนไหวในแดนบวก โดยบวก 0.19% หลังการรายงานข้อมูลล่าสุดวันนี้ ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดภาคเช้าที่ 3,507.69 จุด เพิ่มขึ้น 0.22 จุด หรือ +0.29%

"ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าภาวะเงินฝืดสิ้นสุดลงแล้วในตอนนี้ เนื่องจากโมเมนตัมในภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงอ่อนแรง และแคมเปญต่อต้าน Neijuan ก็ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น" จื่อเว่ย จาง ประธานและหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Pinpoint Asset Management กล่าว โดยคำว่า "เน่ยจ้วน" ในบริบทนี้หมายถึงสงครามราคาที่สร้างความเดือดร้อนให้กับภาคส่วนผู้บริโภคในบางส่วน

รัฐบาลเร่งคุมสงครามราคา

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางการจีนได้วิพากษ์วิจารณ์การแข่งขันด้านราคาที่มากเกินไปของบริษัทต่างๆ ในจีนเพื่อดึงดูดผู้บริโภคและระบายสินค้าคงคลังส่วนเกิน โดยสงครามราคานั้นทวีความรุนแรงขึ้นหลังการขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อสินค้าจีนในตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างสหรัฐ

รัฐบาลปักกิ่งให้คำมั่นว่าจะเข้มงวดเรื่องกฎระเบียบเกี่ยวกับการหั่นราคาสินค้าอย่างรุนแรง ซึ่งก็ยังไม่สามารถมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคได้มากนัก แต่ที่แน่ชัดกว่าก็คือ มันได้ส่งผลกระทบต่อผลกำไรของภาคธุรกิจแล้ว โดยกำไรของบริษัทในภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค. ปรับตัวลดลงถึง 9.1% เมื่อเทียบปีก่อน ซึ่งถือเป็นการลดลงอย่างรุนแรงที่สุดตั้งแต่เดือนต.ค. ปีที่แล้ว

หนังสือพิมพ์ของทางการจีนรายงานโดยอ้างถึงการประชุมดังกล่าวว่า “ธุรกิจต่างๆ ควรได้รับคำแนะนำในการปรับปรุงคุณภาพผลิตภัณฑ์ และสนับสนุนการเลิกใช้กำลังการผลิตที่ล้าสมัยอย่างเป็นระเบียบ”

หวง จื้อชุน นักเศรษฐศาสตร์จีนจาก Capital Economics กล่าวว่า การที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพุ่งสูงขึ้นในเดือนที่แล้ว เป็นเพราะได้รับแรงหนุนจากโครงการเก่าแลกใหม่ที่รัฐแจกเงินอุดหนุนช่วยแลกซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และรถยนต์ไฟฟ้า

อย่างไรก็ตาม หวงตั้งข้อสังเกตว่า การพุ่งสูงขึ้นดังกล่าวมีแนวโน้มจะลดลงในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งจะส่งผลให้เงินเฟ้อพื้นฐานลดลงหากปัญหา "อุปทานล้นตลาด" ยังคงมีอยู่

“เนื่องจากอุปทานสินค้ายังคงมีปริมาณเกินอุปสงค์ความต้องการ การผลิตที่ยังเป็นแบบโอเวอร์ซัพพลาย จึงมีแนวโน้มที่จะเกิดสงครามราคาระหว่างผู้ผลิตต่อไป”

แลร์รี หู หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีนของ Macquarie กล่าวว่า “หากไม่มีการใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่เข้มแข็ง ก็ยากที่จะหลีกหนีจากภาวะเงินฝืดที่ยังคงดำเนินอยู่ได้” และเสริมว่าการส่งออกของจีนที่มีโมเมนตัมขาขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ทำให้ปักกิ่งยังไม่กระตุ้นการบริโภคในประเทศอย่างจริงจัง และอาจจะรอดูท่าทีจนกว่าจะเห็นตัวเลขการส่งออกลดลงอย่างรวดเร็วก่อน