ขุนคลังสหรัฐคาด ‘รายได้ภาษีนำเข้า’ พุ่งแตะเกือบ 10 ล้านล้านบาทในปีนี้

ขุนคลังสหรัฐเผย อเมริกามีรายได้จาก “ภาษีศุลกากร” ราว 3 ล้านล้านบาทแล้ว คาดยอดนี้จะแตะเกือบ 10 ล้านล้านบาทภายในปี 2025 จากนโยบายการค้าของทรัมป์ พร้อมเตรียมขึ้นภาษีทองแดง 50% รวมถึงเซมิคอนดักเตอร์และยาเพิ่มต่อ
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า “สก็อตต์ เบสเซนต์” รัฐมนตรีคลังแห่งสหรัฐแถลงว่า สหรัฐมีรายได้จาก “ภาษีศุลกากร” แล้วประมาณ 1 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 3 ล้านล้านบาทในปีนี้ และอาจเพิ่มขึ้นเป็น 3 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 9.8 ล้านล้านบาทภายในสิ้นปี 2025
เนื่องจากยอดการจัดเก็บภาษีนำเข้าที่เร่งตัวขึ้นจากนโยบายการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์
เบสเซนต์กล่าวต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทำเนียบขาวว่า การจัดเก็บภาษีนำเข้าครั้งสำคัญจากมาตรการภาษีใหม่ของทรัมป์ เพิ่งเริ่มขึ้นใน “ไตรมาสที่สอง” ซึ่งเป็นช่วงที่ทรัมป์เริ่มเก็บภาษี 10% จากสินค้าเกือบทั้งหมดที่นำเข้าสหรัฐ และเพิ่มภาษีนำเข้าเหล็ก อะลูมิเนียม และรถยนต์
“ดังนั้น เราคาดว่า รายได้ดังกล่าวอาจสูงกว่า 3 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 9.8 ล้านล้านบาท) ภายในสิ้นปีนี้” เบสเซนต์กล่าว
ด้านโฆษกกระทรวงการคลังระบุว่า เป้าหมาย 3 แสนล้านดอลลาร์นี้ เป็นยอดรวมถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2025 ซึ่งเป็นสิ้นปีปฏิทิน ไม่ใช่สิ้นสุดปีงบประมาณของรัฐบาลในวันที่ 30 กันยายน
การที่สหรัฐจะสามารถจัดเก็บภาษีศุลกากรได้ถึง 3 แสนล้านดอลลาร์ในปีนี้ หมายความว่า จะต้องมีการจัดเก็บที่เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดในช่วงหลายเดือนข้างหน้า รวมถึงมีการขึ้นภาษีศุลกากรอย่างมากและในวงกว้างจากระดับปัจจุบัน
เบสเซนต์ กล่าวเสริมว่า การที่สำนักงานงบประมาณรัฐสภา (Congressional Budget Office) ประมาณการว่า รายได้จากภาษีศุลกากรจะรวมอยู่ที่ประมาณ 2.8 ล้านล้านดอลลาร์ หรือราว 90 ล้านล้านบาทตลอดระยะเวลา 10 ปีนั้น “เราคิดว่าน่าจะต่ำไป”
กระทรวงการคลังสหรัฐรายงานว่า มีการจัดเก็บภาษีศุลกากรขั้นต้น “สูงเป็นประวัติการณ์” ที่ 22,800 ล้านดอลลาร์ ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าจากยอดรวม 6,200 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว
ผลจากยอดจัดเก็บภาษีศุลกากรดังกล่าว ส่งผลให้ยอดรวมของการจัดเก็บในช่วง 8 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2025 อยู่ที่ 86,100 ล้านดอลลาร์ ส่วนยอดรวมสำหรับการจัดเก็บในช่วง 5 เดือนแรกของปีปฏิทิน 2025 อยู่ที่ 63,400 ล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ กระทรวงการคลังมีกำหนดรายงานผลการจัดทำงบประมาณเดือนมิถุนายนในวันศุกร์นี้ ซึ่งคาดว่าจะแสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของยอดการจัดเก็บภาษีศุลกากรอีกครั้ง ตามข้อมูลจาก Daily Treasury Statement ที่ระบุว่า ณ วันที่ 30 มิถุนายน ยอดรวมการจัดเก็บภาษีศุลกากรและภาษีสรรพสามิตของปีงบประมาณปัจจุบันสูงกว่า 1.22 แสนล้านดอลลาร์
ด้วยเส้นตายใหม่ที่ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์กำหนดขึ้น “ในวันที่ 1 สิงหาคม” สำหรับอัตราภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ที่สูงขึ้น จะมีผลบังคับใช้กับคู่ค้าเกือบทั้งหมด โดยยังมีช่องทางเจรจากับบางประเทศในช่วง 3 สัปดาห์ข้างหน้า เพื่อทำข้อตกลงผ่อนปรนอัตราภาษีลง
“เงินก้อนใหญ่จะเริ่มเข้ามาในวันที่ 1 สิงหาคม ผมคิดว่าเรื่องนี้ได้รับการยืนยันอย่างชัดเจนในวันนี้จากหนังสือที่ส่งออกไปเมื่อวานและวันนี้” ทรัมป์กล่าว
ไม่เพียงเท่านั้น ทรัมป์ยังประกาศในการประชุมคณะรัฐมนตรีครั้งเดียวกันนั้นด้วยว่า เขาจะเรียกเก็บภาษี 50% สำหรับการนำเข้า “ทองแดง” ซึ่งเป็นโลหะที่ใช้ในทุกสิ่งตั้งแต่ที่อยู่อาศัยไปจนถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริโภค ยานพาหนะ โครงข่ายไฟฟ้า และอุปกรณ์ทางทหาร เขายังกล่าวอีกว่า จะมีการเก็บภาษีเพิ่มเติมสำหรับ “เซมิคอนดักเตอร์” และ “ยา” อีกด้วย
อ้างอิง: reuters







