‘หนี้ครัวเรือน’ อีกหนึ่งระเบิดเวลาเศรษฐกิจจีน

‘หนี้ครัวเรือน’ อีกหนึ่งระเบิดเวลาเศรษฐกิจจีน

"หนี้ครัวเรือนจีน" ขยับขึ้นจาก 11% ในปี 2006 ไปเป็น 60% ของจีดีพีในปัจจุบัน "นักวิเคราะห์" ชี้ เป็นอัตราการเพิ่มขึ้นที่รวดเร็วและยังซ้ำเติมปัญหาหนี้เดิมที่กดดันเศรษฐกิจอยู่แล้ว

จีนเป็นหนึ่งประเทศที่ขับเคลื่อนการเติบโตของตัวเองด้วยการ “สร้างหนี้” จนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่า “ผลกรรม” ของการกระทำนั้นเริ่มแสดงออกมาให้เห็นมากขึ้น โดยเฉพาะหนี้ที่มีต้นตอมาจาก “ภาคอสังหาริมทรัพย์” มิหนำซ้ำล่าสุด บทวิเคราะห์ของดิอีโคโนมิสต์ ในหัวข้อ “Why so many Chinese are drowning in debt” รายงานว่า หนี้ครัวเรือน ก็เป็นอีกหนึ่งระเบิดเวลาของ “พญามังกร” เช่นเดียวกัน

น่าสนใจว่า “หนี้ครัวเรือนในจีน” เพิ่มขึ้นจากสัดส่วน 11% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในปี 2006 เป็น 60% ในปัจจุบัน ตัวเลขนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจที่รวดเร็วและความเสี่ยงเชิงระบบที่เพิ่มขึ้น การขยายตัวของหนี้ครัวเรือนในอัตราดังกล่าวภายในระยะเวลาไม่ถึงสองทศวรรษเป็นปรากฏการณ์ที่น่าเป็นห่วงเมื่อพิจารณาว่าประเทศที่พัฒนาแล้วใช้เวลาหลายทศวรรษในการมีระดับหนี้ครัวเรือนเช่นนี้ (เช่นสหรัฐและสหราชอาณาจักรตามภาพ) ความรวดเร็วของการเพิ่มขึ้นดังกล่าว ชี้ให้เห็นถึงการขาดการควบคุมที่เหมาะสมของตลาดเครดิตในจีน ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายรัฐบาลที่ส่งเสริมการบริโภคและการลงทุนของประชาชนผ่านการเข้าถึงเครดิตที่ง่ายขึ้น

‘หนี้ครัวเรือน’ อีกหนึ่งระเบิดเวลาเศรษฐกิจจีน

 

หนี้อสังหาฯ คิดเป็น 65% ของหนี้ครัวเรือน

ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเพิ่มขึ้นของหนี้ครัวเรือนในจีนคือการเติบโตของ “ชนชั้นกลาง” ที่มีอำนาจซื้อสูงขึ้นและความต้องการที่อยู่อาศัย ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เฟื่องฟูในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาทำให้ประชาชนจีนมองว่าการลงทุนในที่อยู่อาศัยเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยและมีผลตอบแทนที่แน่นอน สถานการณ์นี้ส่งเสริมให้เกิดการกู้ยืมเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยในวงกว้าง โดยหนี้เพื่อที่อยู่อาศัยคิดเป็นสัดส่วน 65% ของสินเชื่อครัวเรือนทั้งหมด นอกจากนี้ การขยายตัวของแพลตฟอร์มเทคโนโลยีทางการเงินและผู้ให้บริการสินเชื่อออนไลน์ เช่น Alipay และ WeBank ทำให้การเข้าถึงเครดิตง่ายขึ้นและรวดเร็วขึ้น ขณะที่การควบคุมและการกำกับดูแลยังไม่ทันกับความเร็วของการพัฒนา

สถานการณ์หนี้ครัวเรือนในจีนยิ่งทวีความซับซ้อนขึ้นเมื่อต้องรับมือกับปัญหาหนี้เดิมที่ยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นระบบ หนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น ที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและหนี้ขององค์กรที่อยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วงทำให้รัฐบาลกลางต้องแบ่งความสนใจและทรัพยากรในการแก้ไขปัญหา การที่รัฐบาลยังไม่สามารถจัดการกับปัญหาหนี้ในระดับโครงสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพส่งผลให้ปัญหาหนี้ครัวเรือนกลายเป็นภาระเพิ่มเติมที่ทำให้ระบบการเงินโดยรวมเปราะบางมากขึ้น ความเชื่อมโยงระหว่างหนี้ในระดับต่างๆ ทำให้ความเสี่ยงเชิงระบบขยายตัวและอาจนำไปสู่วิกฤตทางการเงินหากไม่ได้รับการจัดการอย่างรอบคอบ

ผลกระทบของปัญหาหนี้ครัวเรือนต่อเศรษฐกิจมหภาคของจีนมีความรุนแรงและครอบคลุมหลายมิติ ข้อมูลจาก Gavekal Dragonomics ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจจีน ระบุว่ามีประชาชนจีน 25-34 ล้านคนที่อาจกำลังผิดนัดชำระหนี้ (ดีฟอลต์) และหากรวมผู้ที่ค้างชำระ ตัวเลขอาจสูงถึง 61-83 ล้านคน หรือ 5-7% ของประชากรวัยทำงาน ตัวเลขเหล่านี้สูงกว่าสองเท่าเมื่อเปรียบเทียบกับห้าปีที่ผ่านมา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความน่ากังวลของสถานการณ์ ปัญหานี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการบริโภคภายในประเทศ เนื่องจากครัวเรือนที่มีภาระหนี้สูงจะลดการใช้จ่ายเพื่อชำระหนี้ ทำให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง แม้ว่าข้อมูลการขายปลีกในเดือนพ.ค.จะเติบโต 6.4% ต่อปี แต่การเติบโตดังกล่าวส่วนใหญ่มาจากมาตรการ “กระตุ้นของรัฐบาล” มากกว่าการฟื้นตัวของอุปสงค์ที่แท้จริง

ไร้กฎหมายล้มละลายส่วนบุคคล

บทวิเคราะห์ของดิอีโคโนมิสต์ ยังระบุว่า ความซับซ้อนของปัญหาหนี้ครัวเรือนในจีนยังเพิ่มขึ้นเนื่องจากการขาดกลไกทางกฎหมายที่เหมาะสมในการจัดการกับลูกหนี้ที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้ การไม่มีกฎหมายล้มละลายส่วนบุคคลที่ครอบคลุมทำให้เกิดสถานการณ์ที่ “นักทวงหนี้” สามารถใช้วิธีการรุนแรงในการเรียกร้องการชำระหนี้ ปรากฏการณ์ “cuigou” หรือ “Pressured Dogs” ที่มีการโทรศัพท์รบกวนลูกหนี้และครอบครัวอย่างต่อเนื่องสร้างปัญหาทางสังคมที่เรียกว่า “shesi” หรือ “Social Deadth” ซึ่งหมายถึงการทำลายความสัมพันธ์ทางสังคมของบุคคล แม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตรการห้ามการใช้ความรุนแรงและภาษาที่ไม่เหมาะสมในการทวงหนี้ แต่การบังคับใช้ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ

โครงสร้างของระบบสินเชื่อในจีนที่ผสมผสานระหว่างธนาคารของรัฐและแพลตฟอร์มเทคโนโลยีเอกชนสร้างความท้าทายในการควบคุมและกำกับดูแล ธนาคารของรัฐซึ่งให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่ต้องระมัดระวังในการเรียกคืนหนี้เนื่องจากความกังวลเรื่องการประท้วงของประชาชน ขณะที่ผู้ให้สินเชื่อออนไลน์มีแนวโน้มใช้วิธีการที่รุนแรงกว่าในการเก็บหนี้ ความแตกต่างในแนวทางการดำเนินการนี้สร้างความไม่แน่นอนและความไม่เป็นธรรมในระบบ นอกจากนี้ การที่รัฐบาลใช้ระบบ “เครดิตทางสังคม” ในการลงโทษลูกหนี้ที่ผิดนัดโดยห้ามใช้บริการต่างๆ เช่น การเดินทางด้วยเครื่องบินหรือรถไฟความเร็วสูงยิ่งเพิ่มความเครียดให้กับผู้ที่ประสบปัญหาหนี้

แนวโน้มในอนาคตของปัญหาหนี้ครัวเรือนในจีนมีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้นเนื่องจากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคที่ไม่เอื้ออำนวย อัตราการว่างงานของเยาวชนที่สูงและการชะลอตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ทำให้รายได้ของครัวเรือนลดลงขณะที่ภาระหนี้ยังคงเหมือนเดิม แม้ว่าครัวเรือนจีนจะยังมีอัตราการออมที่สูงประมาณ 32% ของรายได้ที่สามารถใช้ได้ในปี 2023 ตามข้อมูลของ JPMorgan Chase ซึ่งสูงกว่าสหรัฐอเมริกาในช่วงก่อนวิกฤตการเงินโลกปี 2007 แต่การกระจายตัวของการออมไม่เท่าเทียมกัน และกลุ่มที่มีหนี้สูงมักเป็นกลุ่มที่มีการออมต่ำ การที่รัฐบาลยังไม่เร่งรีบในการออกกฎหมายล้มละลายส่วนบุคคลในระดับประเทศเนื่องจากความกังวลว่าอาจส่งสัญญาณที่ผิดเกี่ยวกับการยอมรับพฤติกรรมการใช้จ่ายที่ไม่รอบคอบแสดงให้เห็นว่าการแก้ไขปัญหาในระดับโครงสร้างยังต้องใช้เวลา