ทำไม ‘เทรดวอร์’ อาจดัน ‘อินเดียใต้’ เป็นฐานผลิตใหม่โลก ?

“สงครามการค้า” จ่อดันอินเดียขึ้นเป็นฐานการผลิตใหม่ของโลกด้วยค่าแรงในภาคการผลิตที่ 1 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง จากการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน กำลังสร้างโอกาสใหม่ให้แก่ “อินเดียใต้” ในการก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางการผลิตสำคัญของโลก โดยเฉพาะในช่วงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศใช้มาตรการภาษีนำเข้าอย่างดุเดือด ทำให้ผู้ผลิตทั่วโลกกำลังพิจารณาทางเลือกใหม่ในการปรับโครงสร้างห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งอินเดียใต้โดยเฉพาะ “รัฐทมิฬนาฑู” อาจกลายเป็นฐานการผลิตใหม่ของโลก
ข้อได้เปรียบด้านแรงงาน และต้นทุน
ข้อมูลจาก Morgan Stanley Research แสดงให้เห็นว่า อินเดียมีประชากรวัยแรงงาน (อายุ 15-64 ปี) ถึง 961 ล้านคน มากที่สุดเป็นอันดับที่สองของโลก ใกล้เคียงกับจีนที่มี 984 ล้านคน แต่มีค่าแรงการผลิตเพียงชั่วโมงละ 1.0 ดอลลาร์เทียบกับจีนที่ 5.6 ดอลลาร์ ความได้เปรียบนี้ทำให้บริษัทอย่าง Delta Electronics ที่ เบนจามิน หลิน นั่งเป็นประธานบริษัทในอินเดีย ให้สัมภาษณ์พิเศษกับบลูมเบิร์กว่า ซัพพลายเชนในอินเดียมีต้นทุนที่คุ้มค่ากว่าโรงงานใน “ไทย” แล้ว แม้ว่าจะยังแข่งขันด้านราคากับโรงงานในจีนไม่ได้ก็ตาม
นโยบายสนับสนุน และโครงสร้างพื้นฐาน
รัฐบาลท้องถิ่นในอินเดียใต้กำลังแข่งขันกันเพื่อดึงดูดการลงทุน โดยเฉพาะรัฐทมิฬนาฑู โดย ทีอาร์บี ราชา รัฐมนตรีอุตสาหกรรม ย้ำว่า "ทุกสิ่งที่เราทำที่นี่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุน" ยกตัวอย่างเช่น บริษัท Delta Electronics ได้รับสิทธิประโยชน์หลายประการ รวมถึงการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 10 ปี และการอำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อระบบไฟฟ้า และน้ำประปาอย่างรวดเร็ว รวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เช่น โครงสร้างพื้นฐานด้านถนน และท่าเรือ เป็นต้น
บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า “รัฐทมิฬนาฑู” เป็นฐานการผลิตที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว โดยมีส่วนแบ่งจำนวนโรงงานมากที่สุดในอินเดียที่ 15.7% แม้จะมีประชากรเพียง 6% ของประเทศเท่านั้น รัฐนี้เป็นฐานการผลิต และการส่งออกอิเล็กทรอนิกส์มากกว่า 40% และผลิตภัณฑ์ยานยนต์ และชิ้นส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของอินเดีย
การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทาน
ความไม่แน่นอนจากนโยบายการค้าของสหรัฐกำลังผลักดันให้บริษัทต่างชาติหาทางเลือกใหม่ หลินจาก Delta Electronics อธิบายว่า "เราติดตามลูกค้า หากลูกค้าขอให้ย้ายออกจากจีน เราก็ย้ายออกจากจีน" บริษัทต่างๆ เช่น Apple ที่ประกาศแผนจัดหาสมาร์ตโฟนส่วนใหญ่ที่ผลิตในอินเดีย
เหตุการณ์นี้สร้างโอกาสให้ผู้ผลิตชิ้นส่วน และผู้รับจ้างผลิตในประเทศ ขณะที่โฮซูร์ เมืองอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ใน รัฐทมิฬนาฑู ก็กลายเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมการผลิต มีโรงงาน Ola Electric ที่เป็นโรงงานสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ Tata Electronics ที่กำลังสร้างโรงงานผลิต iPhone
ความท้าทาย และข้อจำกัด
แม้จะมีความก้าวหน้า แต่อินเดียใต้ยังเผชิญกับความท้าทายสำคัญ คือ การพึ่งพาชิ้นส่วน และวัตถุดิบนำเข้าจากจีน สวัปนิล เชน ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทรถยนต์มอเตอร์ไซค์ในอินเดีย Ather Energy ยอมรับว่า "ยังคงพึ่งพาห่วงโซ่อุปทานส่วนใหญ่ของจีนซึ่งเป็นสิ่งที่เราต้องลดทอนอย่างจริงจัง" โดยเฉพาะชิ้นส่วนสำคัญเช่น ไมโครคอนโทรลเลอร์และแม่เหล็กสำหรับแบตเตอรี่ที่กลายเป็นจุดขัดแย้งในสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
อ้างอิง: Bloomberg
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







