เปิด ‘อัตราภาษีทรัมป์ต่อประเทศต่าง ๆ’ พร้อมแนวทางรับมือ ผู้เชี่ยวชาญชี้ ‘ยากที่ทรัมป์จะเลื่อนภาษีอีก’

ไทยยังคงโดนภาษีทรัมป์ 36% เท่ารอบแรก และต่างจากเวียดนามที่ลดลงเหลือ 20% ทำให้ไทยเสียเปรียบการแข่งขันอย่างมาก ผู้เชี่ยวชาญชี้ไทยต้องทำการบ้านเพิ่มเติม พร้อมทั้งทำความเข้าใจว่าสหรัฐต้องการอะไร
จากจดหมายอัตราภาษีใหม่ที่ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งให้ประเทศต่าง ๆ ไทยจะถูกเก็บภาษีศุลกากรในอัตราสูงเท่าเดิมถึง 36% โดยในช่วงก่อนถึง “วันบังคับใช้ 1 สิงหาคม” ทีมไทยแลนด์ มีโอกาสอีกไม่กี่สัปดาห์ในการเจรจาต่อรองกับสหรัฐ เพื่อผ่อนหนักให้เป็นเบา หรือทำให้อัตราภาษีนี้ไม่เหลื่อมล้ำกับเวียดนามที่ 20% มากนักในการแข่งขัน ก่อนเส้นตายบังคับใช้จะมาถึง
ตารางอัตราภาษีทรัมป์ต่อคู่ค้า บังคับใช้ 1 สิงหาคม
ญี่ปุ่น: เดิมทีขู่ว่าจะเพิ่ม +24%, ประกาศใหม่ +25%, ส่วนแบ่งของการนำเข้าของสหรัฐ 4.5%
เกาหลีใต้: เดิมทีขู่ว่าจะเพิ่ม +25%, ประกาศใหม่ +25%, ส่วนแบ่งของการนำเข้าของสหรัฐ 4.0%
เวียดนาม: เดิมทีขู่ว่าจะเพิ่ม +46%, ประกาศใหม่ +20%, ส่วนแบ่งของการนำเข้าของสหรัฐ 3.9%
ไทย: เดิมทีขู่ว่าจะเพิ่ม +36%, ประกาศใหม่ +36%, ส่วนแบ่งของการนำเข้าของสหรัฐ 1.9%
มาเลเซีย: เดิมทีขู่ว่าจะเพิ่ม +24%, ประกาศใหม่ +25%, ส่วนแบ่งของการนำเข้าของสหรัฐ 1.6%
อินโดนีเซีย: เดิมทีขู่ว่าจะเพิ่ม +32%, ประกาศใหม่ +32%, ส่วนแบ่งของการนำเข้าของสหรัฐ <1%
แอฟริกาใต้: เดิมทีขู่ว่าจะเพิ่ม +30%, ประกาศใหม่ +30%, ส่วนแบ่งของการนำเข้าของสหรัฐ <1%
กัมพูชา: เดิมทีขู่ว่าจะเพิ่ม +49%, ประกาศใหม่ +36%, ส่วนแบ่งของการนำเข้าของสหรัฐ <1%
บังกลาเทศ: เดิมทีขู่ว่าจะเพิ่ม +37%, ประกาศใหม่ +35%, ส่วนแบ่งของการนำเข้าของสหรัฐ <1%
คาซัคสถาน: เดิมทีขู่ว่าจะเพิ่ม +27%, ประกาศใหม่ +25%, ส่วนแบ่งของการนำเข้าของสหรัฐ<1%
ตูนิเซีย: เดิมทีขู่ว่าจะเพิ่ม +28%, ประกาศใหม่ +25%, ส่วนแบ่งของการนำเข้าของสหรัฐ <1%
เซอร์เบีย: เดิมทีขู่ว่าจะเพิ่ม +37%, ประกาศใหม่ +35%, ส่วนแบ่งของการนำเข้าของสหรัฐ <1%
ลาว: เดิมทีขู่ว่าจะเพิ่ม +48%, ประกาศใหม่ +40%, ส่วนแบ่งของการนำเข้าของสหรัฐ <1%
เมียนมา: เดิมทีขู่ว่าจะเพิ่ม +44%, ประกาศใหม่ +40%, ส่วนแบ่งการนำเข้าของสหรัฐ <1%
- (กราฟิก: กษิดิศ สิงห์กวาง) -
กอบศักดิ์ชี้ ไทยเจอภาษี 36% ‘สัญญาณเตือน’ สหรัฐไม่พอใจ หวั่นไทยเสียเปรียบเวียดนาม-มาเลย์
ด้าน ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล นักเศรษฐศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายเศรษฐกิจมหภาคให้ความเห็นผ่าน Facebook ของตนเองว่า การที่ไทยถูกเรียกเก็บภาษี 36% “เท่ากับรอบแรก” เป็นสัญญาณเตือนว่า ข้อเสนอที่ไทยยื่นไป ยังไม่เป็นที่พอใจของสหรัฐ และยังไม่ใช่ “ข้อตกลงที่ดี” (Good Deal) ในมุมมองของทรัมป์ โดยอาจารย์กอบศักดิ์เน้นย้ำว่า ไทยต้องทำการบ้านเพิ่มเติมและกลับไปเจรจาใหม่ มิฉะนั้นผลลัพธ์อาจจะ “จบที่เดิม” เหมือนที่ทรัมป์เคยประกาศไว้เมื่อวันที่ 2 เมษายน
นอกจากนี้ อาจารย์กอบศักดิ์ชี้ว่า “สหรัฐอาจไม่ถอยอีก” เนื่องจากตลาดได้รับรู้ตัวเลขเหล่านี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง และผู้ประกอบการสหรัฐมีเวลาปรับตัวมา 90 วัน หากตลาดหุ้นสหรัฐไม่ปรับตัวลงอย่างรุนแรงในช่วง 2-3 วันข้างหน้า ก็ยากที่จะเปลี่ยนแปลงใจประธานาธิบดีทรัมป์ได้
ไม่เพียงเท่านั้น กอบศักดิ์ยังเสริมว่า “ไทยเสียเปรียบคู่แข่ง” หากเวียดนามถูกเก็บภาษี 20% และมาเลเซีย 25% ประเทศไทยจะอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบด้านต้นทุนภาษีถึง 10-16% ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างมากต่อผู้ส่งออก เพราะคู่ค้าอาจเลือกซื้อสินค้าจากประเทศที่มีต้นทุนถูกกว่า
ส่วน “ผลกระทบต่อการลงทุน” กอบศักดิ์มองว่า การที่ไทยมีต้นทุนภาษีสูงกว่าคู่แข่ง จะมีนัยสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุนของต่างชาติ เพราะนักลงทุนอาจเลือกไปสร้างโรงงานในประเทศที่มีต้นทุนภาษีถูกกว่า เช่น เวียดนาม
พิพัฒน์เสนอ 5 แนวทาง 'Give and Take' รับมือภาษีทรัมป์ ชี้เจรจา Win-Win ยาก
ขณะที่ ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย กรรมการผู้จัดการ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร โพสต์บนเฟสบุ๊คตัวเองว่า การเจรจาแบบ “Win-Win” กับทรัมป์เป็นไปได้ยาก สถานการณ์นี้ทำให้ไทยต้องพิจารณาแนวทาง “Give and Take” โดยประเมินผลกระทบแต่ละทางเลือกอย่างรอบด้าน และหามาตรการชดเชยที่เหมาะสม ดังนี้
1. ทำความเข้าใจความต้องการของสหรัฐอย่างละเอียด โดยเฉพาะประเด็นที่เวียดนามยอมรับ เช่น การเปิดตลาดสินค้าสหรัฐ การลดภาษีนำเข้า การยกเลิกอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษี และการจัดการปัญหา “สินค้าสวมสิทธิ์” ซึ่งไทยต้องพิจารณาผลกระทบและต้นทุนของแต่ละทางเลือกอย่างถ่องแท้ รวมถึงหาทางออกเรื่องการสวมสิทธิ์อย่างจริงจังและปฏิบัติได้จริง
2. เปิดเสรีอย่างค่อยเป็นค่อยไปและมีมาตรการชดเชย โดยเฉพาะ “ภาคเกษตร” ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
3. พัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน และดึงดูดการลงทุนในเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมมูลค่าสูง เช่น การให้สิทธิประโยชน์ด้าน R&D เครดิตภาษีสำหรับการผลิต EV parts, AI Hardware และ Data Center รวมถึงการ Upskill แรงงานไปสู่ทักษะดิจิทัลและหุ่นยนต์ เพื่อเพิ่มค่าแรงเฉลี่ยและผลิตภาพ
4. จัดตั้ง War-Room ที่ประกอบด้วยตัวแทนจากกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตร และภาคเอกชน เพื่อให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างรวดเร็วและส่งสัญญาณที่ชัดเจนไปยังสหรัฐฯ และนักลงทุนว่าประเทศไทย “เอาจริง”
5. เร่งกระจายตลาดส่งออก ใช้ประโยชน์จากข้อตกลงทางการค้าต่างๆ เช่น RCEP, CPTPP, GCC และเร่งดำเนินการ FTA กับกลุ่มประเทศใหญ่ๆ อย่างสหภาพยุโรป (EU) เพื่อ “ลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐ” และกระจายความเสี่ยงด้านการส่งออก
อ้างอิง: drkobsak, pipat







