ภาษีทรัมป์สะเทือนโลก เจ้าสัวธนินท์แนะไทยควรเข้าร่วม CPTPP ทันที

ภาษีทรัมป์สะเทือนโลก เจ้าสัวธนินท์แนะไทยควรเข้าร่วม CPTPP ทันที

เจ้าสัวธนินท์แนะ ขณะที่นโยบายภาษีของรัฐบาลสหรัฐกำลังสั่นสะเทือนระบบการค้าโลก ไทยควรเข้าร่วม CPTPP เพื่อประโยชน์จากความร่วมมือกับเขตเศรษฐกิจอื่นๆ

นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ให้สัมภาษณ์พิเศษนิกเคอิเอเชีย นอกรอบการสัมมนาประจำปี “อนาคตแห่งเอเชีย” ในกรุงโตเกียว เมื่อปลายเดือนพ.ค. เผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ Nikkei Asia เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา กล่าวถึงความตกลงที่ครอบคลุม และก้าวหน้าสำหรับหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ระบุ “ไทยควรร่วมทันที ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เข้าร่วม”

CPTPP เป็นข้อตกลงการค้าที่ประกอบด้วยสมาชิก 12 ประเทศ เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ เวียดนาม ออสเตรเลีย และอื่นๆ มุ่งส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกัน จีน และอินโดนีเซีย สมัครเข้าร่วมแล้วขณะที่ไทยยังไม่ได้ยื่นคำร้อง

“ผมเชื่อว่าประชาชนจะมั่งคั่งขึ้นหากทุกประเทศเกื้อกูล และร่วมมือกันประเทศต่างๆ สามารถมีตลาดสำหรับการขายสินค้า และบริการภายใต้การค้าเสรีได้ ด้วยการลงทุน และการผลิตพวกเขายังสามารถเพิ่มอำนาจซื้อของคนในท้องถิ่น และทำให้เศรษฐกิจในท้องถิ่นมั่งคั่งขึ้นได้อีกด้วย”

นิกเคอิรายงานว่า เศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาการส่งออกคาดว่าจะได้รับผลกระทบอย่างหนักจากนโยบายขึ้นภาษีของรัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเดือนพ.ค.สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้อยู่ที่ 1.3%-2.3% จากเดิมที่เคยประเมินไว้ 2.3%-3.3%

จาก CPTPP ธนินท์ยังกล่าวถึงความเป็นไปได้ในการก่อตั้งระบบการค้าเอเชียภายใต้การนำของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ญี่ปุ่น และจีน

“การสร้างระบบการค้าเอเชียเป็นความคิดที่ดีมาก มันจะช่วยให้เราสร้างรากฐานการเติบโตของเราได้แม้สหรัฐไม่ได้เข้าร่วมก็ตาม นี่คือแนวทางหนึ่งของเราในอนาคต ถ้าญี่ปุ่น จีน และอาเซียน สามารถสร้างกรอบการค้าได้ในฐานะหน่วยเดียว การเจรจากับสหภาพยุโรปในเรื่องภาษี และประเด็นอื่นๆ ก็เป็นไปได้ ในที่สุดความคิดริเริ่มนี้จะพัฒนาเป็นความพยายามที่จะนำไปสู่การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจโลกใหม่”

ในประเด็นนโยบายกีดกันทางการค้าของทรัมป์ ธนินท์ระบุ “โลกเชื่อมโยงกันด้วยข้อมูลข่าวสารมากกว่าในอดีต กิจกรรมเศรษฐกิจข้ามพรมแดนกำลังเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลทรัมป์กำลังวิ่งสวนกระแส และเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ ลัทธิกีดกันทางการค้าของสหรัฐจะอยู่ได้ไม่นาน”

สำหรับญี่ปุ่นซีพีกรุ๊ป เข้ามามีบทบาทในอุตสาหกรรมญี่ปุ่นอย่างมาก เช่น ผ่านการส่งออกสัตว์ปีกที่เริ่มต้นมาตั้งแต่ทศวรรษ 1970 ซึ่งธนินท์มองว่า การที่สหรัฐขึ้นภาษี “กำลังสร้างข้อได้เปรียบให้กับญี่ปุ่น”

เปรียบเทียบกับการเจรจาการค้าระหว่างญี่ปุ่นกับสหรัฐในทศวรรษ 80 และ 90

“สหรัฐเคยตื่นตระหนกกับไฮเทคของญี่ปุ่น แต่ตอนนี้หันมากังวลกับจีนแทน” ธนินท์ กล่าวและว่า ญี่ปุ่นอาจยกระดับไฮเทคโนโลยีของตนเองได้เมื่อไม่ถูกสหรัฐจับตา

ประธานอาวุโสกลุ่มซีพียังกล่าวถึงความปรารถนาของซีพีที่จะร่วมมือ และลงทุนในบริษัทญี่ปุ่น

“กลุ่มซีพีเห็นศักยภาพของไฮเทคโนโลยีญี่ปุ่น จึงต้องการลงทุนในบริษัทญี่ปุ่น เราต้องการเร่งธุรกิจของเรา และเพิ่มผลิตภาพขึ้นอีกหลายเท่าตัวผ่านระบบอัตโนมัติ ไม่เช่นนั้นแล้วเราคงอยู่ไม่รอดในการแข่งขันอันดุเดือด อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ของญี่ปุ่นมีอนาคตมาก”

ด้านการเกษตร ประธานอาวุโสกลุ่มซีพี กล่าวว่า “ญี่ปุ่นมีผลิตภัณฑ์ที่ยอดเยี่ยม” เช่น เนื้อโกเบ เนื้อสุกรคุโรบูตะ องุ่นไชน์มัสแคท และมะม่วง

“แต่ปริมาณการผลิตยังน้อย ญี่ปุ่นอาจขยับไปสู่ตลาดโลกได้ถ้าเพิ่มการผลิตสินค้าดังกล่าว”

ระหว่างให้สัมภาษณ์ธนินท์ย้ำเสมอว่า บริษัทเอกชนควรอยู่ให้ห่างจากประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ เช่น ความสัมพันธ์กับจีน ให้โฟกัสที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเดียว ซึ่งกิจกรรมของบริษัทมีบทบาทสำคัญในความร่วมมือทางเศรษฐกิจภายในภูมิภาค

“ไม่ใช่แค่กลุ่มซีพีบริษัทเอกชนอื่นๆ ส่อเค้าหลั่งไหลเข้ามาญี่ปุ่นด้วย ในเวลาเดียวกันบริษัทญี่ปุ่นก็ควรเข้าไปลงทุนในจีน และอาเซียน” ธนินท์ กล่าวพร้อมเสริมว่า CITIC รัฐวิสาหกิจการลงทุนของจีนที่กลุ่มซีพีเข้าไปลงทุนในปี 2015 อาจลงทุนในญี่ปุ่น

ในเดือนเม.ย. กลุ่มซีพี ประกาศตัดสินใจยกเลิกข้อตกลงร่วมลงทุนกับอิโตชู ยักษ์ใหญ่เทรดดิ้งของญี่ปุ่น แต่ยังคงเป็นพันธมิตรธุรกิจเชิงยุทธศาสตร์กันต่อไป

“เราอยากร่วมมือไม่ใช่แค่กับอิโตชูเท่านั้น แต่รวมถึงบริษัทญี่ปุ่นอื่นๆ และเข้าไปลงทุนในบริษัทเหล่านั้นด้วย” ประธานอาวุโสกลุ่มซีพี กล่าวทิ้งท้าย

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์