เบสเซนต์ชี้ ‘ดอกเบี้ยเฟดสูงเกินจริง’ ยีลด์พันธบัตร 2 ปีส่งสัญญาณชัด

ขุนคลังสหรัฐชี้ ‘ดอกเบี้ยเฟดสูงเกินจริง’ ชี้พันธบัตร 2 ปีส่งสัญญาณชัด ตลาดไม่เชื่อว่าเศรษฐกิจต้องใช้ดอกเบี้ยสูงระดับนี้ แนะหากไม่ลดตอนนี้ อาจต้องลดแรงในกันยายน พร้อมโยนคำใบ้เรื่องผู้สืบทอดเก้าอี้พาวเวลล์
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า “สก็อตต์ เบสเซนต์” ขุนคลังสหรัฐ “ตั้งคำถามถึงธนาคารกลางสหรัฐ” เกี่ยวกับการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย โดยย้ำมุมมองของเขาว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปี ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่า อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) นั้น “สูงเกินไป”
ในปัจจุบัน อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดอยู่ที่ช่วง 4.25-4.5% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปี อยู่ที่ประมาณ 3.76%
“เราอยู่ในระดับอัตราดอกเบี้ยแท้จริงที่สูงมาก” เบสเซนต์ กล่าว “ย้ำอีกครั้ง นี่คือการตัดสินใจของพวกเขา และผมแค่คิดว่า หากพวกเขาไม่ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง การปรับลดในเดือนกันยายน ก็อาจจะใหญ่ขึ้น”
ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าบ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมเฟดเดือนกันยายน
เมื่อถูกถามในการให้สัมภาษณ์กับช่องสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า เห็นด้วยกับ ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ หรือไม่ ที่ธนาคารกลางสหรัฐควรลดอัตราดอกเบี้ยลง 3% เต็ม เบสเซนต์ปฏิเสธที่จะตอบโดยตรง เขาย้ำว่า ตลาดกำลังส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ย พร้อมเสริมว่า ทรัมป์ในวาระแรกนั้น “ถูกต้องกว่าเฟดในเรื่องเวลาที่ควรปรับลดอัตราดอกเบี้ย”
“มีผู้สมัครที่มีคุณสมบัติเหมาะสม และแข็งแกร่งจำนวนมาก” เบสเซนต์ กล่าวถึงผู้ที่จะมาแทนที่พาวเวลล์ ประธานเฟดในปัจุบัน เมื่อวาระดำรงตำแหน่งประธานเฟดของเขาจะสิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคม 2026
เมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ที่เขาจะลงสมัครด้วยตัวเอง เบสเซนต์ตอบว่า “ผมจะไม่เปิดเผยการสนทนาส่วนตัว”
เบสเซนต์ ระบุว่า “มีความแตกต่างระหว่างผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยทรัมป์ กับผู้ที่ไม่ได้ถูกแต่งตั้งโดยทรัมป์ ผมจะปล่อยให้คุณตีความตามที่คุณต้องการ”
เมื่อถูกถามถึงกลยุทธ์การออกตราสารหนี้ในวงกว้างขึ้น เบสเซนต์ กล่าวว่า “เมื่ออัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีบ่งชี้ว่า อัตราดอกเบี้ยเฟดสูงเกินไป เราจะนำเรื่องนี้มาพิจารณา” เขายังกล่าวอีกว่า “กระบวนการบริหารหนี้ของเราเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ และมีระเบียบแบบแผนมาก แต่เราจะคำนึงถึงเหตุการณ์ฉุกเฉินเหล่านี้ด้วย”
ในการให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์ก เบสเซนต์ ปฏิเสธที่จะบอกว่า เขาเห็นด้วยกับสตีเฟน มีแรน ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวหรือไม่ ที่ว่านโยบายของทรัมป์จะช่วยลดการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐได้มากถึง 11 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงทศวรรษหน้า รัฐมนตรีคลังรายนี้กล่าวว่า “เป็นเรื่องยากมากที่จะคาดการณ์ล่วงหน้าถึง 10 ปี สำหรับการกู้ยืมของรัฐบาลกลาง”
“มีปัจจัยหลายอย่างที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ แต่ผมมั่นใจว่าเรากำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง ในเรื่องหนี้สิน” เบสเซนต์ กล่าวเสริม
อ้างอิง: bloomberg
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์






