สหรัฐบรรลุข้อตกลงการค้ากับเวียดนามเก็บภาษีนำเข้า 20% ทรัมป์เผย

สหรัฐบรรลุข้อตกลงการค้ากับเวียดนามเก็บภาษีนำเข้า 20% ทรัมป์เผย

ประธานาธิบดีทรัมป์ ประกาศว่าเขาบรรลุข้อตกลงการค้ากับเวียดนามแล้ว หลังจากการเจรจาอย่างเข้มข้น ระหว่างสองประเทศเป็นเวลาหลายสัปดาห์ และก่อนเส้นตายในสัปดาห์หน้า

บลูมเบิร์ก รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า เขาบรรลุข้อตกลงการค้ากับเวียดนามแล้ว หลังจากการเจรจาอย่างเข้มข้นระหว่างสองประเทศเป็นเวลาหลายสัปดาห์ และก่อนเส้นตายในสัปดาห์หน้า ซึ่งอาจทำให้มีการขึ้นภาษีนำเข้าที่สูงขึ้นสำหรับสินค้าของประเทศ

ทรัมป์กล่าวในโพสต์บนโซเชียลมีเดียเมื่อวันพุธ (2 ก.ค.68) ตามเวลาสหรัฐ ว่า เวียดนามจะถูกสหรัฐเก็บภาษีนำเข้า 20% สำหรับสินค้าที่ส่งออกไปยังสหรัฐ และ 40% สำหรับสินค้าประเทศอื่นที่ถือว่าส่งออกผ่านประเทศเวียดนาม ทรัมป์ กล่าวว่า เวียดนามตกลงที่จะยกเลิกการเก็บภาษีนำเข้าของสินค้าสหรัฐ ทั้งหมด

“พูดอีกอย่างก็คือ เวียดนามจะ “เปิดตลาดให้กับสหรัฐ” ซึ่งหมายความว่าเราจะสามารถขายสินค้าของเราในเวียดนามโดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า” ทรัมป์โพสต์

ประธานาธิบดี กล่าวว่า เขาบรรลุข้อตกลงดังกล่าวแล้ว หลังจากหารือกับนาย โต เลิม เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม 

กระทรวงการต่างประเทศของเวียดนามกล่าว ในแถลงการณ์ว่า ทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะให้ความร่วมมือต่อไป “ในการแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ทางการค้าทวิภาคี” ระหว่างการโทรศัพท์ของผู้นำในวันพุธ และว่า โต เลิม เสนอให้สหรัฐ รับรองเวียดนามว่าเป็น “เศรษฐกิจตลาด และยกเลิกข้อจำกัดการส่งออกสินค้าไฮเทคบางประเภท”

แม้ว่าทรัมป์จะเห็นด้วยกับข้อตกลงดังกล่าว แต่ทำเนียบขาวยังไม่ได้ออกเอกสารกำหนดเงื่อนไขหรือประกาศใดๆ ที่เป็นการรวบรวมข้อตกลงดังกล่าว และรายละเอียดบางส่วนอาจยังอยู่ในระหว่างการจัดทำของทั้งสองฝ่าย 

สหรัฐ และสหราชอาณาจักร ประกาศข้อตกลงการค้าของตนเองเป็นครั้งแรกเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม แต่กว่าทรัมป์จะลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว ก็ล่าช้าจนถึงกลางเดือนมิถุนายน และถึงตอนนั้น รายละเอียดสำคัญ ก็ถูกละเว้นไว้เพื่อดำเนินการเจรจากันต่อในภายหลัง

สหรัฐใช้เวียดนามคานอำนาจจีนในเอเชีย

ข้อตกลงกับเวียดนามจะเป็นข้อตกลงที่สาม ที่ประกาศต่อจากข้อตกลงที่สหรัฐทำกับสหราชอาณาจักร และจีน เนื่องจากคู่ค้าเร่งทำข้อตกลงกับสหรัฐ ก่อนเส้นตายในวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 ทรัมป์ได้กำหนดอัตราภาษีนำเข้าจากเวียดนาม 46% เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการภาษีศุลกากรแบบตอบโต้ในช่วงต้นเดือนเมษายน ซึ่งเรียกเก็บจากหลายสิบประเทศ แต่ต่อมาได้ปรับลดเหลือ 10% เพื่อให้มีเวลาสำหรับการเจรจา

เวียดนามเป็นความท้าทายอย่างยิ่งสำหรับรัฐบาลทรัมป์ เนื่องจากที่ปรึกษาระดับสูงของประธานาธิบดีบางคนมองว่าเวียดนามเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในการพยายามคานอำนาจจีนในเอเชีย ขณะเดียวกัน สินค้าส่งออกของเวียดนามก็กลายมาเป็นผู้ส่งออกสินค้าหลักสำหรับผู้บริโภคชาวอเมริกัน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การส่งออกสินค้าของเวียดนามไปยังตลาดสหรัฐ พุ่งสูงขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะผู้ผลิตย้ายฐานการผลิตจากจีนไปที่เวียดนาม  เวียดนามเป็นซัพพลายเออร์สิ่งทอ และชุดกีฬารายใหญ่ โดยมีโรงงานสำหรับบริษัทต่างๆ เช่น Nike , Gap  และ Lululemon Athletica 

เวียดนามเกินดุลการค้ากับสหรัฐมากเป็นอันดับสาม

เวียดนามเป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่เป็นอันดับหกของการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ ในปีที่แล้ว โดยส่งสินค้ามูลค่าเกือบ 137,000 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลของสำนักงานสำมะโนประชากร เวียดนามเกินดุลการค้ากับสหรัฐ ถือเป็นการเกินดุลการค้าระหว่างประเทศที่สูงเป็นอันดับสามของโลกรองจากจีน และเม็กซิโก 

โดยการส่งออกในเดือนพฤษภาคมพุ่งขึ้น 35% เนื่องจากบริษัทต่างๆ พยายามส่งสินค้าขึ้นเรือให้เร็วที่สุดก่อนถึงกำหนดเส้นตาย

ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นหลังจากทรัมป์โพสต์ โดยหุ้นของผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์ และเครื่องแต่งกายพุ่งขึ้น ON Holding, Nike และ Lululemon ต่างก็พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบวัน

เจ้าหน้าที่สหรัฐ บางคนต้องการปรับอัตราภาษีศุลกากรสำหรับเวียดนาม และประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ต่ำกว่าอัตราที่เรียกเก็บจากจีน เพื่อกระตุ้นให้การผลิตออกจากประเทศดังกล่าว

สำหรับอัตราภาษีศุลกากรที่สูง 40% ที่ประกาศเมื่อวันพุธ จะเรียกเก็บจากสินค้าที่ถือว่าเป็น "การขนส่งข้ามแดน" ซึ่งมีส่วนประกอบจากจีน และประเทศอื่นๆ โดยอาจส่งผ่านเวียดนามหรือผ่านการประกอบขั้นสุดท้ายเพียงเล็กน้อยก่อนส่งออกไปยังสหรัฐ

เรื่องนี้เป็นข้อกังวลสำคัญของที่ปรึกษาการค้าระดับสูงของทรัมป์ รวมถึงปีเตอร์ นาวาร์โร ซึ่งเรียกเวียดนามว่าเป็น “อาณานิคมของจีนคอมมิวนิสต์โดยพื้นฐาน” ระหว่างการสัมภาษณ์กับทีวี ฟ็อกซ์ นิวส์ เมื่อเดือนเมษายน

รายละเอียดทั้งหมดของสินค้าที่อาจต้องเสียภาษีในอัตราที่สูงนั้นยังไม่ถูกเปิดเผยในทันที

  • ทรัมป์หวังส่งออกรถยนต์ไปเวียดนาม

การส่งออกของสหรัฐ ไปยังเวียดนามมีมูลค่าเพียง 15,000 ล้านดอลลาร์ ในปีที่แล้ว ทรัมป์อ้างว่ามีแนวโน้มที่ยอดขายรถยนต์จะเพิ่มขึ้นอันเป็นผลมาจากข้อตกลงดังกล่าว

“ในความเห็นของผม รถ SUV หรือที่บางครั้งเรียกว่ารถยนต์เครื่องยนต์ใหญ่ ซึ่งขายดีในสหรัฐ จะเป็นส่วนเพิ่มที่ยอดเยี่ยมสำหรับสายผลิตภัณฑ์ต่างๆ ภายในเวียดนาม” เขาเขียนลงบน Truth Social

การส่งเสริมการส่งออกรถยนต์ของสหรัฐ ไปยังเวียดนามจะเป็นเป้าหมายที่ทะเยอทะยาน เนื่องจากแม้แต่รถอเนกประสงค์ SUV ที่ผลิตในอเมริกาซึ่งมีราคาถูกกว่า และกะทัดรัดกว่าก็อาจมีราคาแพงเมื่อเทียบกับคู่แข่งจากประเทศอื่น นอกจากนี้ เวียดนามยังเป็นประเทศที่ค่อนข้างยากจน โดยมีรายได้ต่อหัวประมาณ 4,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือประมาณหนึ่งในยี่สิบของสหรัฐ ตามข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นข้อจำกัดของตลาดรถยนต์ในเวียดนามที่รถจักรยานยนต์ยังคงแพร่หลายมากกว่ามาก

ในขณะที่ทรัมป์ และทีมของเขาตั้งเป้าที่จะเจรจาพร้อมกันกับหุ้นส่วนทางการค้าหลายสิบรายในตอนแรก ประธานาธิบดี และที่ปรึกษาของเขาได้ให้ข่าวในสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า พวกเขาจะมุ่งเน้นไปที่การเจรจากับเศรษฐกิจขนาดใหญ่ และขึ้นภาษีฝ่ายเดียวกับประเทศเล็กๆ หรือประเทศที่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้

ข้อตกลงกับเวียดนามบรรลุผลหลังจากการหารือหลายสัปดาห์ ซึ่งสหรัฐ กดดันเวียดนามให้เข้มงวดยิ่งขึ้นกับการฉ้อโกงการค้า มีการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดยิ่งขึ้นกับการขนส่งสินค้าของจีน และยังผลักดันให้ขจัดอุปสรรคที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากรออกด้วย

เวียดนามเสนอที่จะยกเลิกภาษีศุลกากรทั้งหมด และให้คำมั่นว่าจะซื้อสินค้าของสหรัฐมากขึ้น เจ้าหน้าที่ระดับสูงของเวียดนามบินไปสหรัฐอเมริกาเพื่อระดมการสนับสนุน และลงนามข้อตกลง รวมถึงสัญญาจะซื้อสินค้าเกษตรมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รัฐมนตรีกระทรวงการค้ายังเชิญชวนผู้บริหารจาก Nike, Gap และบริษัทอื่นๆ ให้สนับสนุนความพยายามในการเจรจาการค้า

  • ธุรกิจของทรัมป์มีแผนสร้างโรงแรมหรูในเวียดนาม

เจ้าหน้าที่เวียดนามยังชื่นชมแผนขององค์กรทรัมป์ (Trump Organization) ในการพัฒนาโครงการรีสอร์ตหรูหรามูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจะมีโรงแรมระดับห้าดาว สนามกอล์ฟ และที่พักอาศัยบนพื้นที่กว่า 990 เฮกตาร์

เอริก ทรัมป์ ลูกชายของประธานาธิบดี เข้าร่วมงานประกาศการลงทุนในโครงการนี้ในเดือนพฤษภาคม โดยมีนายกรัฐมนตรี ฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ ของเวียดนามเข้าร่วมงานนี้ด้วย

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์   ศิลาวงษ์