G7 เรียกร้อง ฟื้นเจรจา 'ดีลนิวเคลียร์อิหร่าน'

รัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ หรือ G7 แถลงการณ์ร่วมในวันจันทร์ (30 มิ.ย.) ว่าพวกเขาจะสนับสนุนการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน และเรียกร้องให้ฟื้นการเจรจาเพื่อการแก้ไขของตกลงเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน

ในแถลงการณ์ร่วมของ G7 ระบุว่า “เราเรียกร้องให้ฟื้นการเจรจาใหม่ เพื่อให้ได้ข้อตกลงเกี่ยวกับโครงการนิวเคลียร์อิหร่านอย่างครอบคลุม ตรวจสอบได้ และยั่งยืน”

นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศ ของกลุ่ม G7 ยังได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายหลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจทำให้ภูมิภาคไม่มั่นคงมากขึ้นอีกด้วย

เมื่อเดือน เม.ย. อิหร่านและสหรัฐได้ประชุมร่วมกันโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อหาทางแก้ไขปัญโครงการนิวเคลียร์อิหร่านด้วยแนวทางการทูตใหม่

เตหะรานกล่าวว่าโครงการของตนเป็นโครงการสันติ ขณะที่อิสราเอลกับพันธมิตรบอกว่าพวกเขาต้องการมั่นใจว่าอิหร่านจะไม่สามารถสร้างอาวุธนิวเคลียร์ได้

อิสราเอลเป็นประเทศเดียวในตะวันออกกลางที่เชื่อกันว่ามีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครอง และอิสราเอลเผยว่าการทำสงครามกับอิหร่านมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันไม่ให้เตหะรานพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของตนเอง

ก่อนที่อิสราเอลจะเปิดฉากโจมตีอิหร่านในวันที่ 13 มิ.ย. คณะผู้บริหารหน่วยงานกำกับดูแลด้านนิวเคลียร์ของสหประชาชาติซึ่งประกอบด้วยสมาชิก 35 ประเทศ ประกาศเมื่อวันที่ 12 มิ.ย.ว่า อิหร่านละเมิดพันธกรณีไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 20 ปี

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ IAEA ที่ดำเนินการตรวจสอบในอิหร่าน เคยออกมาเผยว่า หน่วยงานไม่พบสิ่งบ่งชี้ที่น่าเชื่อถือว่าอิหร่านมีโครงการอาวุธนิวเคลียร์

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศว่าอิสราเอลและอิหร่านตกลงหยุดยิงเพื่อยุติสงคราม 12 วันแล้ว และก่อนที่จะประกาศหยุดยิง วอชิงตันได้สั่งโจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน ขณะที่อิหร่านก็เอาคืนด้วยการโจมตีฐานทัพทหารสหรัฐในกาตาร์

ล่าสุด นักการทูตกลุ่ม G7 ยังได้ประณามภัยคุกคามที่เกิดขึ้นต่อหัวหน้าหน่วยงานกำกับดูแลด้านนิวเคลียร์ของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากหนังสือพิมพ์อิหร่านสายแข็งฉบับหนึ่งระบุว่า ราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการสำนักงานพลังงานปรมาณู (IAEA) ควรถูกพิจารณาคดีและประหารชีวิตในฐานะสายลับของอิสราเอล

อ้างอิง: Reuters