จีนปั้น ‘ฉงชิ่ง’ สู่ ‘ฮับโลจิสติกส์’ เชื่อมยุโรป-จีน-อาเซียนด้วยราง

จีนปั้น ‘ฉงชิ่ง’ สู่ ‘ฮับโลจิสติกส์’ เชื่อมยุโรป-จีน-อาเซียนด้วยราง

ในความเสี่ยงถูกสหรัฐปิดล้อมทางเศรษฐกิจ จีนพลิกเกม ยกระดับ ‘นครฉงชิ่ง’ ให้เป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์เชื่อมโลก ด้วยเครือข่ายรถไฟทอดยาวจาก ‘ยุโรป’ สู่ ‘จีน’ และยิงตรงถึง ‘อาเซียน’ หวังพลิกโฉมเมืองหม้อไฟ สู่ ‘คลองสุเอซทางราง’

KEY

POINTS

  • ภายใต้ความเสี่ยงถูกสหรัฐปิดล้อมเศรษฐกิจ จีนพลิกเกมปั้น “ฉงชิ่ง” เป็นฮับโลจิสติกส์โลก เชื่อมยุโรป-จีน-อาเซียนผ่านเครือข่ายรถไฟ หวังยกระดับเมืองหม้อไฟ สู่ “คลองสุเอซทางราง”
  • นครฉงชิ่งแห่งนี้ เป็นศูนย์รวมการผลิต “แล็ปท็อป” ในสัดส่วนสูงถึง “1 ใน 3 ของโลก”
  • การขนส่งสินค้าจากอาเซียนไปยังยุโรปด้วยทางรถไฟผ่านฉงชิ่งนั้น “เร็วกว่า” การขนส่งทางทะเลแบบดั้งเดิม 10 ถึง 20 วัน

เมื่อสหรัฐมุ่งปิดล้อมเศรษฐกิจจีน แดนมังกรจึงหันมาสร้าง “เส้นทางการค้าใหม่” ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น “ฉงชิ่ง” มหานครไม่ติดทะเลที่ใหญ่ที่สุดในจีน ได้ผงาดขึ้นเป็นผู้เล่นสำคัญในการค้าโลก กลยุทธ์ของจีนคือ พลิกโฉมนครแห่งนี้ให้กลายเป็น “ศูนย์กลางการขนส่งทางรางระดับโลก” สร้างเส้นทางการค้าใหม่ที่ทอดข้ามทวีป เชื่อม “ยุโรป จีน และอาเซียน” เข้าไว้ด้วยกันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ฉงชิ่งไม่ได้ตั้งเป้าเพียงการเป็นทางผ่านสินค้า แต่ต้องการเป็น “คลองสุเอซทางราง” ที่เชื่อม “ทวีปเอเชีย” และ “ยุโรป” เข้าด้วยกัน นี่เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า จีนกำลังปรับตัวและเสริมบทบาทในเวทีการค้าโลก เพื่อรับมือกับสหรัฐ

ฉงชิ่ง ฮับโลจิสติกส์ เชื่อมจีน-อาเซียน-ยุโรป ด้วยราง

ณ ใจกลางนครฉงชิ่ง ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องหม้อไฟเผ็ดร้อน หมู่บ้านถวนเจี๋ย กำลังกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ เครนสีส้มกำลังยกตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นสู่ขบวนรถไฟที่มุ่งหน้าสู่ยุโรปและรัสเซีย

ในแต่ละวัน สินค้าหลายร้อยตู้ผ่านลานขนาด 82,000 ตารางเมตรแห่งนี้ ส่งออกรถยนต์ไฟฟ้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และนำเข้ารถยนต์ เนื้อสัตว์ ไวน์ และผลิตภัณฑ์นม

ห่างออกไปเพียงห้านาที เครนสีน้ำเงินอีกชุดหนึ่งตั้งเด่นเป็นสง่าในอีกพื้นที่หนึ่ง กำลังขนถ่ายผลไม้เขตร้อนและวัตถุดิบจากแถบอาเซียน

หนังสือพิมพ์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ระบุว่า ในตลอดทศวรรษที่ผ่านมา “ฉงชิ่ง” ได้พัฒนาสู่การเป็น “ฮับการค้าระหว่างประเทศ” อย่างเต็มตัว ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดตัวเครือข่ายรถไฟข้ามพรมแดนขนาดใหญ่สองสาย สายหนึ่งทอดยาวไปทางตะวันตกจรดเยอรมนี ส่วนอีกสายขยายลงใต้ไปไกลถึงสิงคโปร์ เส้นทางคมนาคมเหล่านี้ ไม่เพียงทำให้จีนสามารถเข้าถึงตลาดโลกได้เร็วขึ้นเท่านั้น แต่ยังเปิดเส้นทางให้ประเทศอื่นๆ สามารถเข้าสู่ตลาดจีนได้อีกด้วย

หลิว อี้เจิน รองผู้จัดการทั่วไปของบริษัท New Land-Sea Corridor Operation ซึ่งดูแลเส้นทางขนส่งสินค้าจากฉงชิ่งไปยังอาเซียนกล่าวว่า “การขนส่งสินค้าจากอาเซียนไปยังยุโรปด้วยทางรถไฟผ่านฉงชิ่งนั้น ‘เร็วกว่า’ การขนส่งทางทะเลแบบดั้งเดิม 10 ถึง 20 วัน”

รถไฟเที่ยวปฐมฤกษ์ในเส้นทางด่วนนี้ มีชื่อว่า “อาเซียน เอ็กซ์เพรส” (Asean Express) เชื่อมต่อมาเลเซีย ไทย ลาว เวียดนามและจีน โดยเริ่มให้บริการเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว ออกเดินทางจากกรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม และใช้เวลา 5 วันในการเดินทางถึงฉงชิ่ง ซึ่งมีการจัดเรียงตู้สินค้าใหม่เพียงครู่เดียว ก่อนที่จะเดินทางต่อไปอีก 2 สัปดาห์ สู่จุดหมายปลายทางสุดท้ายที่หมู่บ้าน Malaszewicze ประเทศโปแลนด์

จีนปั้น ‘ฉงชิ่ง’ สู่ ‘ฮับโลจิสติกส์’ เชื่อมยุโรป-จีน-อาเซียนด้วยราง

- Asean Express (ภาพ: The Star graphics) -

หลิว อี้เจินกล่าวถึงเส้นทางรางนี้ว่า “สำหรับลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับ ‘ความเร็วและความเสถียร’ การขนส่งทางบก อาจเป็นทางเลือกที่ต้องการ ส่วนผู้ที่ต้องการราคาที่ดีกว่า อาจเลือกการขนส่งทางทะเล”

ในปัจจุบัน เส้นทางราง Asean Express มีรถไฟขนส่งสินค้าวิ่งให้บริการทุกสัปดาห์ หลิวเผยว่า ณ สิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา เส้นทางนี้ได้ขนส่งสินค้าไปแล้วรวมมูลค่า 1,650 ล้านหยวน หรือราว 7,500 ล้านบาท

จีนปั้น ‘ฉงชิ่ง’ สู่ ‘ฮับโลจิสติกส์’ เชื่อมยุโรป-จีน-อาเซียนด้วยราง

- เส้นทางสายไหมจีน (ภาพ: MERICS Research) -

จากฮับแล็ปท็อป สู่ฐานอีวีระดับโลก

ท่ามกลางภาคอุตสาหกรรมและการค้าในฉงชิ่งที่เติบโตเร็ว ในปี 2024 ที่ผ่านมา นายกเทศมนตรีเมืองฉงชิ่งระบุว่า “นครฉงชิ่ง” แห่งนี้ เป็นศูนย์รวมการผลิต “แล็ปท็อป” ในสัดส่วนสูงถึง “1 ใน 3 ของโลก” โดยมีแบรนด์ท้องถิ่นที่โดดเด่น ได้แก่ Seres Automobile ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ร่วมมือกับ Huawei Technologies บริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่ของจีน และบริษัทรถ Changan Automobile 

“โรงงานประกอบรถยนต์ไฟฟ้าของ Changan ในฉงชิ่ง สามารถผลิตรถได้สูงถึง 50 คันต่อชั่วโมง” ถัง จุนเจ๋อ วิศวกรของ Changan ซึ่งดูแลการประกอบรถขั้นสุดท้ายกล่าว “รถยนต์ส่วนใหญ่เป็นพวงมาลัยขวา และมีคำสั่งซื้อจากตลาดนอกอย่างไทย หลังออกจากสายการผลิต รถยนต์เหล่านี้จะถูกส่งตรงไปยังหมู่บ้านถวนเจี๋ย เพื่อการส่งออกทันที”

ด้านฮั่น เฉา รองประธานของบริษัทก่อสร้าง Chongqing International Logistics HubPark Construction ให้มุมมองว่า นี่คือการเชื่อมโยง “ตลาดสองทวีป” เข้าด้วยกัน ผ่านเขตปลอดอากรและเส้นทางขนส่ง โดยถ้าบริษัทในอาเซียนต้องการเครื่องกลึงอัตโนมัติมือสองจากเยอรมนี แทนที่จะซื้อของใหม่ที่แพงระยับ บริษัทนั้นสามารถส่งเครื่องจักรนี้มาที่พื้นที่สินค้าทัณฑ์บนของฉงชิ่ง ซึ่งยังไม่ต้องจ่ายภาษีทันที เพื่อปรับปรุง ซ่อมแซม หรือแม้แต่อัปเกรดให้กลับมาอยู่ในสภาพดีก่อน จากนั้นจึงค่อยส่งต่อไปยังอาเซียน

มรสุมทางภูมิรัฐศาสตร์

อย่างไรก็ตาม เส้นทางสู่การเป็นศูนย์กลางระดับโลกนั้น ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป China-Europe Railway Express ซึ่งเส้นทางหลักส่วนใหญ่ผ่านรัสเซีย เผชิญกับความท้าทายจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ เมื่อสงครามในยูเครนปะทุขึ้นในปี 2022 ผู้ค้าชาวยุโรปหลายรายก็หันกลับไปใช้การขนส่งทางทะเล เนื่องจากกังวลเรื่องการคว่ำบาตร หรือเกรงถูกมองว่าเป็นมิตรกับรัสเซีย

นอกจากนี้ แม้ว่าการโจมตีของกลุ่มฮูตีในทะเลแดงตั้งแต่ปลายปี 2023 จะทำให้เส้นทางรถไฟกลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง แต่ก็มีเหตุการณ์รัสเซียสั่งห้ามสินค้าบางประเภท โดยเฉพาะเครื่องกลและอิเล็กทรอนิกส์ ไม่ให้ผ่านแดนรัสเซีย เนื่องจากอาจถูกนำไปใช้ในสงครามยูเครน บริษัทขนส่งหลายแห่งได้ทราบเรื่องนี้ช้าไปหลายสัปดาห์ หลังจากที่สินค้าจำนวนมากถูกทางการรัสเซียยึดไปแล้ว ส่งผลให้ปริมาณสินค้าในเส้นทางรถไฟด่วนจีน-ยุโรป ลดลงถึง 22.1% ในช่วงเดือนมกราคมถึงเมษายนนี้ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

เพื่อลดความเสี่ยง จีนได้เร่งพัฒนา “เส้นทางเลือกแบบผสมผสาน” ทั้งทางทะเลและทางรถไฟ ที่เรียกว่า “ระเบียงสายกลาง” (Middle Corridor) ซึ่งจะเลี่ยงแผ่นดินรัสเซีย โดยขนส่งสินค้าข้ามทะเลแคสเปียนแทน ซึ่งแม้จะเป็นทางเลือกที่ดี แต่ Middle Corridor ก็ยังคงเผชิญกับอุปสรรคหลายประการ เช่น ลมแรงในทะเล ความยุ่งยากด้านโลจิสติกส์ และการตรวจสอบศุลกากรที่เข้มงวดขึ้น ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนและเวลาในการขนส่งเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่ฮั่น เฉามั่นใจว่า เส้นทางขนส่ง “Middle Corridor” จะกลายเป็นเส้นทางเสริมที่มีประโยชน์อย่างมากในการเชื่อมโยงระหว่างจีนกับสหภาพยุโรป

“ความพยายามใหม่ ๆ ย่อมต้องใช้เวลาในการเติบโต ระเบียงสายเหนือ (Northern Corridor) เดิมเอง ก็ต้องใช้เวลากว่าทศวรรษ กว่าจะพัฒนาให้มีขนาดใหญ่เช่นในปัจจุบัน” ฮั่นกล่าวทิ้งท้าย


อ้างอิง: scmpcgtnchinadaily