ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ลั่น จะถล่มฐานทัพสหรัฐ ถ้าถูกโจมตีอีกในอนาคต

ผู้นำสูงสุดอิหร่าน ลั่น จะถล่มฐานทัพสหรัฐ ถ้าถูกโจมตีอีกในอนาคต

ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ปราศรัยครั้งแรกหลังบรรลุดีลหยุดยิง ลั่น อิหร่านจะไม่ยอมแพ้ และจะโจมตีฐานทัพสหรัฐในภูมิภาค หากสหรัฐโจมตีอิหร่านอีกในอนาคต

อยาตอลลาห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน กล่าวปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์ครั้งแรกในวันพฤหัสบดี (26 มิ.ย.) นับตั้งแต่อิหร่าน-อิสราเอลตกลงหยุดยิง ว่า อิหร่านจะตอบโต้การโจมตีของสหรัฐในอนาคตด้วยการโจมตีฐานทัพทหารสหรัฐในตะวันออกกลาง

คาเมเนอี วัย 86 ปี อ้างว่า อิหร่านได้รับชัยชนะหลังจากทำสงครามนาน 12 วัน และจุดสูงสุดของความขัดแย้งคือการที่อิหร่านโจมตีฐานทัพสหรัฐที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ซึ่งตั้งอยู่ในกาตาร์ หลังจากวอชิงตันเข้าร่วมการโจมตีของอิสราเอล

 “สาธารณรัฐอิสลามตบหน้าอเมริกาได้จากการโจมตีฐานทัพสำคัญของสหรัฐในภูมิภาค” คาเมเนอีกล่าว

อิหร่านจะไม่ยอมแพ้

ในคำปราศรัยของคาเมเนอี เขาให้คำมั่นว่า อิหร่านจะไม่ยอมแพ้ แม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐจะเรียกร้องก็ตาม

“ประธานาธิบดีทรัมป์ของสหรัฐ เปิดเผยความจริงและชี้แจงไว้ชัดเจนว่า ชาวอเมริกันจะไม่พอใจกับอย่างอื่นนอกจากการยอมแพ้... เหตุการณ์เช่นนี้จะไม่มีวันเกิดขึ้น” คาเมเนอีกล่าว

“ความจริงที่ว่าสาธารณรัฐอิสลามสามารถเข้าถึงฐานทัพสำคัญของสหรัฐในภูมิภาคและสามารถดำเนินการต่อต้านฐานทัพเหล่านี้ได้ทุกเมื่อถ้าเห็นว่าจำเป็นนั้น ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย แต่เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญ และเหตุการณ์นี้อาจเกิดซ้ำอีกในอนาคตหากมีการโจมตี” ผู้นำสูงสุดกล่าวเสริม

ขณะที่เมื่อวันพุธ (25 มิ.ย.)เมื่อสื่อถามประธานาธิบดีทรัมป์ว่า สหรัฐจะโจมตีอีกครั้งหรือไม่ หากอิหร่านฟื้นโครงการเสริมสมรรถนะนิวเคลียร์ขึ้นมาใหม่ ทรัม์ตอบว่า “แน่นอน”

ที่ผ่านมาเตหะรานปฏิเสธข้อกล่าวหาของผู้นำชาติตะวันตกมาตลอดหลายสิบปีที่ว่าอิหร่านกำลังพยายามสร้างอาวุธนิวเคลียร์

สหรัฐทำไม่สำเร็จ

คาเมเนอีกล่าวว่าต่อว่า สหรัฐ “ไม่ได้ประสบผลสำเร็จใดๆ” หลังจากที่โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่เป็นเข้าร่วมสงครามเพื่อ “ปกป้อง” อิสราเอล หลังจากขีปนาวุธของเตหะรานสามารถเจาะทะลุระบบป้องกันหลายชั้นของอิสราเอลได้

“สหรัฐเข้าร่วมสงครามโดยตรงเพราะรู้สึกว่าหากไม่เข้าร่วม รัฐบาลไซออนิสต์ (อิสราเอล) จะถูกทำลายล้างอย่างสิ้นซาก สหรัฐเข้าร่วมสงครามเพื่อปกป้องมัน” คาเมเนอี กล่าว และว่าสหรัฐโจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน แต่ไม่สามารถส่งผลสำคัญอะไร ทั้งยังบอกด้วยว่าประธานาธิบดีสหรัฐแสดงท่าที่เกินหน้าเกินตาผิดปกติและเขาจำเป็นต้องทำเช่นนั้น

ทรัมป์กล่าวเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า สหรัฐได้ส่งระเบิดขนาด 30,000 ปอนด์ “ทำลายล้าง” โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่เรื่องนี้ดูเหมือนจะขัดแย้งกับการประเมินเบื้องต้นจากหน่วยข่าวกรองของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ

ด้านนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ประกาศได้ “ชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์” เมื่อวันอังคาร (24 มิ.ย.) หลังจากข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ และกล่าวว่า อิสราเอลสามารถบรรลุเป้าหมายในการกำจัดภัยคุกคามจากนิวเคลียร์และขีปนาวุธพิสัยไกลของเตหะรานได้

ทั้งนี้ ไม่นานหลังจากมีการเผยแพร่คำปราศรัยของคาเมเนอี เนทันยาฮูได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพของเขาและทรัมป์จับมือกัน โดยระบุว่า “เราจะทำงานร่วมกันต่อไปเพื่อเอาชนะศัตรูร่วมกัน”

 

อ้างอิง: Reuters