เจือง มาย หลั่น ‘รอดโทษประหาร’ ฐานฉ้อโกง! หลังเวียดนามเปลี่ยนกฎหมายใหม่

พลิกผัน! เวียดนาม ‘ยกเลิกโทษประหาร 8 คดีอาญา’ รวมถึงติดสินบนและยักยอก ทำให้ ‘เจือง มาย หลั่น’ เศรษฐินีอสังหาริมทรัพย์ผู้โด่งดัง รอดชีวิตจากโทษประหารคดีฉ้อโกง 4.2 แสนล้านบาท
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เวียดนามได้ “ยกเลิกโทษประหารชีวิต” สำหรับ 8 อาชญากรรม ซึ่งรวมถึงคดีติดสินบนและการยักยอกทรัพย์ ทำให้มีการคาดการณ์ว่า “เจือง มาย หลั่น” เศรษฐินีเวียดนามด้านอสังหาริมทรัพย์จะ “รอดพ้นจากโทษประหารชีวิต” จากคดีฉ้อโกง ตามการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่อาวุโสของรัฐสภา
รัฐสภาได้อนุมัติการเปลี่ยนแปลงกฎหมายอาญาในวันนี้ (25 มิ.ย.) โดยอนุญาตให้โทษประหารชีวิตสำหรับอาชญากรรมเหล่านี้สามารถเปลี่ยนเป็น “จำคุกตลอดชีวิตได้” กฎหมายนี้จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ซึ่งหลังจากนั้น ศาลจะออกคำตัดสินอย่างเป็นทางการในคดีของหลั่น เพื่อเปลี่ยนโทษประหารชีวิตของเธอเป็นการจำคุกตลอดชีวิต ตามคำกล่าวของ เหงียน เจือง เกียง รองหัวหน้าคณะกรรมการกฎหมายของรัฐสภา
หลั่นถูกตัดสินประหารชีวิตเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังจากพบว่ามีความผิดฐาน “ยักยอกเงิน” ประมาณ 12,300 ล้านดอลลาร์ หรือราว 4.2 แสนล้านบาทจากธนาคาร Saigon Commercial Bank ซึ่งนับเป็น “คดีฉ้อโกงที่ใหญ่ที่สุด” ในประวัติศาสตร์เวียดนาม
“นี่เป็นข่าวดีมากสำหรับหลั่นและครอบครัวของเธอ เรากำลังรอฟังคำตัดสินอย่างเป็นทางการจากศาล” เกียง ฮง แทง ทนายความของเธอกล่าว หลังจากการเปลี่ยนแปลงกฎหมายได้รับการอนุมัติ
เรื่องราวการจับกุมมหาเศรษฐีด้านอสังหาริมทรัพย์รายนี้ ดึงดูดความสนใจไปทั่วโลก เนื่องจากความรุนแรงของโทษและจำนวนเงินมหาศาลที่เกี่ยวข้อง คดีเกี่ยวกับเธอกลายเป็นสร้างชื่อเสียงมากที่สุดในการปราบปรามการทุจริตของพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งนำไปสู่การจับกุมเจ้าหน้าที่ระดับสูงและผู้บริหารธุรกิจจำนวนมาก
ภายใต้กฎหมายใหม่ ผู้ที่ถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตในข้อหายักยอกทรัพย์หรือติดสินบน อาจได้รับการลดหย่อนโทษเพิ่มเติม หากพวกเขาสามารถคืนเงินที่ยักยอกไปได้ 3 ใน 4 ของจำนวนทั้งหมด และรับโทษจำคุกมาแล้วอย่างน้อย 12 ปี
นักโทษหญิงวัย 68 ปีรายนี้ ได้ยื่นอุทธรณ์ต่อโทษประหารชีวิตในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา แต่ไม่เป็นผล อย่างไรก็ตาม เธอได้รับแจ้งในขณะนั้นว่า สามารถหลีกเลี่ยงการประหารชีวิตได้ หากเธอคืนเงินตามที่อัยการระบุ ซึ่งประมาณการไว้ที่ 11,000 ล้านดอลลาร์หรือราว 3.8 แสนล้านบาท โดยหลั่นได้พยายามชดใช้เงินจำนวนนี้ แต่ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เธอจะสามารถชดใช้ได้มากน้อยเพียงใด
หลั่นยังคงต้องเผชิญกับโทษจำคุกอีกหลายสิบปี หลังจากถูกตัดสินว่า มีความผิดในการพิจารณาคดีครั้งที่สองในข้อหาต่างๆ รวมถึงการฟอกเงินและการฉ้อโกงที่เกี่ยวข้องกับการออกพันธบัตร
ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เธอได้รับการลดหย่อนโทษในคดีนั้นจากเดิมจำคุกตลอดชีวิต เหลือเพียง 30 ปีในการอุทธรณ์
ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงประมวลกฎหมายอาญาเพื่อลดการใช้โทษประหารชีวิตนี้ มีเจตนาเพื่อช่วยให้เวียดนามบรรลุ “ข้อกำหนดของความร่วมมือ และการขยายความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาประเทศ” ตามที่ระบุไว้ในประกาศบนเว็บไซต์ของรัฐบาล
อ้างอิง: bloomberg







