จีนออกกฎเหล็ก 'ห้ามเบี้ยวหนี้' หลังอสังหาฯของรัฐ 'เกิดรอยร้าว' หวังสกัดวิกฤติลามถึงภาครัฐ

ทางการจีนกำลังใช้ ‘ไม้แข็ง’ กับวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ที่ส่อเค้าลุกลามถึงอสังหาฯของรัฐ ด้วยการออกกฎเหล็ก ‘สั่ง’ ให้ผู้พัฒนาอสังหาฯของรัฐบาลกลาง ‘ต้องไม่ผิดนัดชำระหนี้สาธารณะ’
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ทางการจีนได้ออกข้อกำหนดใหม่เพื่อควบคุมวิกฤติการณ์อสังหาริมทรัพย์จีนที่อาจลุกลามมายังอสังหาฯของภาครัฐ โดย “สั่ง” ให้ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของรัฐบาล “ต้องไม่ผิดนัดชำระหนี้ที่ออกสู่สาธารณะ”
คณะกรรมการกำกับและบริหารทรัพย์สินของรัฐ (SASAC) ได้เพิ่มคำสั่งนี้เข้าไปในเกณฑ์ชี้วัดประสิทธิภาพล่าสุดสำหรับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 20 รายที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลกลาง ตามข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อที่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องภายในนี้
ตั้งแต่ปี 2021 ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เอกชนรายใหญ่ส่วนใหญ่ได้ “ผิดนัดชำระหนี้” จนทำลายความเชื่อมั่นในตลาดที่อยู่อาศัย และทิ้งกองหนี้เสียไว้เกือบ 140,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 4.6 ล้านล้านบาท
แต่จนถึงขณะนี้ “ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของรัฐ” ยังคงหลีกเลี่ยงชะตากรรมเดียวกันนี้ได้ และหุ้นกู้ของพวกเขาก็ซื้อขายกันในระดับที่บ่งชี้ว่า ผู้ถือหุ้นกู้มีแนวโน้มจะได้รับเงินคืน โดยบริษัทที่อยู่ภายใต้การดูแลของ SASAC มีตั้งแต่บริษัทชั้นนำอย่าง Poly Developments & Holdings Group ไปจนถึงผู้ก่อสร้างรายย่อยอย่าง CCCG Real Estate
แต่ไม่นานมานี้ CCCG Real Estate ซึ่งดำเนินการภายใต้รัฐวิสาหกิจรัฐด้านโครงสร้างพื้นฐาน กำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะถูกเพิกถอนออกจากการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้นมาตั้งแต่เดือนเมษายน นับเป็น “บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของรัฐรายแรก” ที่ได้รับการเตือนถึงความเสี่ยงดังกล่าวจากตลาดหลักทรัพย์
SASAC ได้กำหนดตัวชี้วัดทางการเงินสำหรับรัฐวิสาหกิจ เช่น กำไรรวมและอัตราส่วนหนี้สินต่อสินทรัพย์ แม้จะไม่มีวิธีใดที่รับประกันได้ว่า จะป้องกันไม่ให้รัฐวิสาหกิจผิดนัดชำระหนี้ได้โดยปราศจากการแทรกแซงในระดับที่สูงขึ้น แต่ข้อกำหนดเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่บริหารยังคงรับผิดชอบต่อผลการดำเนินงาน
สำหรับวิกฤติตลาดที่อยู่อาศัยของจีนที่ยืดเยื้อมานาน 4 ปีแล้ว มีสัญญาณการปรับตัวดีขึ้นเพียงเล็กน้อย ราคาบ้านใหม่ลดลงมากที่สุดในรอบ 7 เดือนเมื่อเดือนพฤษภาคม และยอดขายก็ลดลงเช่นกัน สิ่งนี้บ่งชี้ว่า ผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาอย่างรวดเร็วเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา “เริ่มจางหายไป”
เช่นเดียวกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เอกชน ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของรัฐก็ได้รับแรงกดดันจากยอดขายที่ตกต่ำเช่นกัน เมื่อปีที่แล้ว บางรายถึงกับต้องใช้มาตรการลดราคาอย่างรุนแรง เพื่อกระตุ้นการซื้อขาย
คริสตี้ หุง นักวิเคราะห์จาก Bloomberg Intelligence เขียนไว้ในบทวิเคราะห์ล่าสุดว่า “ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งของรัฐและเอกชนของจีน ต่างก็มีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการตกต่ำของยอดขายอสังหาริมทรัพย์ระลอกใหม่” เธอยังเตือนด้วยว่า อสังหาริมทรัพย์ของรัฐมีความเสี่ยงที่จะมียอดขายลดลงตลอดทั้งปีนี้
ทั้งนี้ นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของรัฐบาลกลางส่วนใหญ่ จะพึ่งพาเงินทุนภายในประเทศ และพันธบัตรสกุลเงินหยวนที่ออกในประเทศส่วนใหญ่ ซื้อขายกันใกล้เคียงหรือเท่ากับราคาพาร์
การประมาณการของ Goldman Sachs ระบุว่า แนวโน้มระยะยาวของอสังหาริมทรัพย์จีนยังคง มืดมน ความต้องการบ้านใหม่ในเมืองคาดว่าจะยังคง “ต่ำกว่าจุดสูงสุดในปี 2017 ถึง 75%” ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากจำนวนประชากรที่ลดลง
อ้างอิง: bloomberg







