ทำไม 'ตลาดหุ้นโลก' ไม่ตกใจ 'สงครามอิหร่าน' หุ้นลงน้อยกว่าที่คิด

ตลาดหุ้นทั่วโลกเปิดวันจันทร์นี้ 'ไม่ตื่นตกใจ' กับสงครามอิหร่านมากอย่างที่คาดการณ์ไว้ แม้แต่ราคาน้ำมันดิบก็ไม่ได้พุ่งแรงชนิดสะท้อนความกลัวสงคราม ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น
การที่ "สหรัฐ" เปิดหน้าเข้าร่วมสงครามระหว่าง "อิสราเอล-อิหร่าน" อาจดูเหมือนจุดชนวนความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ให้ทวีความรุนแรงขึ้น และน่าจะส่งผลให้ตลาดทุนร่วงลง ทว่าเมื่อเปิดตลาดวันจันทร์ที่ 23 มิ.ย.68 นี้ นักลงทุนส่วนใหญ่ "กลับไม่สนใจ" ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นนี้ ตลาดหุ้นเอเชีย ปิดภาคเช้าลดลงกันน้อยกว่าที่คาด
ดัชนีนิกเคอิ ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดภาคเช้าลดลง 0.59%
ดัชนีฮั่งเส็ง ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดลบ 0.13%
ดัชนีคอสปี ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 0.41%
ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ตลาดหุ้นจีน ปิดบวก 0.15%
CNBC ระบุว่า นักกลยุทธ์หลายรายเชื่อว่าความขัดแย้งนั้นอยู่ในขอบเขตที่จำกัดแล้ว และยังมีมุมมองเชิงบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงบางประเภทด้วย
เมื่อเวลา 13.00 น. ตามเวลาสิงคโปร์ ดัชนี MSCI World ซึ่งติดตามบริษัทขนาดใหญ่และขนาดกลางกว่า 1,000 แห่งจาก 23 ตลาดพัฒนาแล้ว ลดลงเพียง 0.12% นอกจากนี้ "สินทรัพย์ปลอดภัย" ยังมีการซื้อขายผสมผสานกัน โดย เงินค่าเยน ของญี่ปุ่นอ่อนค่าลง 0.64% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ ขณะที่ ราคาทองคำ ในตลาดลดลง 0.23% เหลือ 3,360 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ดัชนีค่าเงินดอลลาร์เพิ่มขึ้น 0.35%
ในภาพรวมแล้ว ปฏิกิริยาของตลาดทุนโลกหลังจากการโจมตีของสหรัฐถือว่าไม่รุนแรงมากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้วที่ "อิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศต่ออิหร่าน"
แดน ไอฟส์ กรรมการผู้จัดการของบริษัท Wedbush กล่าวว่า "ตลาดมองว่าการโจมตีอิหร่านเป็นการคลายความกังวลจากภัยความเสี่ยงนิวเคลียร์ที่หมดไปแล้วในภูมิภาคนี้” และยังกล่าวเสริมว่า ความเสี่ยงที่ความขัดแย้งระหว่างอิหร่าน และอิสราเอลจะลุกลามไปทั่วภูมิภาคนั้นมีน้อยมาก
แม้ว่าจะไม่ควรมองข้ามความรุนแรงของสถานการณ์ความเคลื่อนไหวล่าสุด แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ ในอุตสาหกรรมต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่า ไม่ควรมองเป็นความเสี่ยงเชิงระบบต่อตลาดโลกเช่นกัน
หลังจากนี้ขึ้นอยู่กับท่าทีของอิหร่าน
ปีเตอร์ บุควาร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Bleakley Financial Group กล่าวว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับว่าอิหร่านแล้วว่าจะตอบสนองอย่างไร
"หากพวกเขายอมจบความต้องการอาวุธนิวเคลียร์ทางการทหาร... นั่นอาจเป็นจุดสิ้นสุดของความขัดแย้ง และตลาดก็จะไม่มีปัญหา” บุควาร์ กล่าวกับซีเอ็นบีซี และเขาไม่คิดอิหร่านจะก่อกวนอุปทานน้ำมันทั่วโลก
เชื่อปิดช่องแคบฮอร์มุซทำได้ยาก
มาร์โก พาพิค หัวหน้านักกลยุทธ์ของ GeoMacro Strategy กล่าวว่า สถานการณ์เลวร้ายที่สุดสำหรับตลาดจะเกิดขึ้นหากอิหร่านปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งไม่น่าจะเกิดขึ้น
"หากพวกเขาทำเช่นนั้น ราคาน้ำมันจะพุ่งสูงกว่า 100 ดอลลาร์ ความกลัว และความตื่นตระหนกเข้าครอบงำ ตลาดหุ้นจะร่วงลงอย่างน้อย 10% และนักลงทุนจะแห่กันไปที่สินทรัพย์ปลอดภัย” เขากล่าว
อย่างไรก็ตามในมุมมองของนักวิเคราะห์ การที่ตลาดซบเซาในขณะนี้เนื่องจากเตหะรานมี “เครื่องมือที่จำกัด” ในการตอบโต้
แนวคิดการปิดช่องแคบฮอร์มุซเป็น "วาทกรรมที่อิหร่านพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า" แต่ไม่เคยมีการปิดช่องแคบนี้จริงๆ และบรรดาผู้เชี่ยวชาญก็เน้นย้ำว่าเป็นไปไม่ได้
ในปี 2018 อิหร่านเตือนว่าอาจปิดช่องแคบฮอร์มุซหลังจากที่สหรัฐถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์ และกลับมาใช้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านอีกครั้ง และก่อนหน้านี้ในปี 2011 และ 2012 เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิหร่าน รวมถึงโมฮัมหมัด เรซา ราฮิมี รองประธานาธิบดีในขณะนั้นกล่าวว่า อาจปิดช่องแคบดังกล่าวหากชาติตะวันตกใช้มาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านเพิ่มขึ้น เนื่องจากกิจกรรมนิวเคลียร์ของอิหร่าน แต่สุดท้ายก็ยังไม่เคยมีการปิดช่องแคบนี้เกิดขึ้น
“เตหะรานเข้าใจว่าหากพวกเขาปิดช่องแคบ การตอบโต้ตามมาจากสหรัฐจะรวดเร็ว หนักหน่วง และรุนแรง” พาพิก กล่าว
เอ็ด ยาร์เดนี ผู้ก่อตั้ง Yardeni Research กล่าวว่าเหตุการณ์ล่าสุดไม่ได้ทำให้ความเชื่อมั่นของเขาที่มีต่อตลาดกระทิงของสหรัฐสั่นคลอน
"ในเชิงภูมิรัฐศาสตร์ เราเชื่อว่าทรัมป์เพิ่งฟื้นฟูขีดความสามารถด้านการยับยั้งทางทหารของสหรัฐอีกครั้ง ซึ่งทำให้คำขวัญของเขาที่ว่า ‘สันติภาพผ่านความเข้มแข็ง’ น่าเชื่อถือมากขึ้น" ยาร์เดนี กล่าว พร้อมตั้งเป้าหมายดัชนี S&P 500 ที่ระดับ 6,500 จุด ภายในสิ้นปีนี้
ยาร์เดนียังมองในเชิงบวกด้วยว่า แม้ว่าการคาดเดาพัฒนาการทางภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่ก็เชื่อว่าภูมิภาคนี้กำลังเผชิญกับ “การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่” เนื่องจากโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่านถูกทำลายไปแล้ว
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







