เตือนเรือพาณิชย์! ระวังกลุ่มฮูตี ‘ซุ่มโจมตี’ หลังสหรัฐกระโจนถล่มอิหร่าน

เตือนเรือพาณิชย์! ระวังกลุ่มฮูตี ‘ซุ่มโจมตี’ หลังสหรัฐกระโจนถล่มอิหร่าน

องค์กรเดินเรือโลก BIMCO เตือน ‘ภัยคุกคาม’ ที่รุนแรงขึ้นต่อเรือพาณิชย์ในคาบสมุทรอาหรับ โดยอาจเผชิญการถูกซุ่มโจมตีจาก ‘กลุ่มฮูตี’ แนะระมัดระวังเส้นทางคาบสมุทรอาหรับ

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า “BIMCO” องค์กรสมาชิกเดินเรือทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลกซึ่งมีเจ้าของเรือ ผู้เช่าเรือ นายหน้าเรือ และตัวแทนเรือ ได้ออกมาเตือนว่า แม้ยังไม่ชัดเจนว่าอิหร่านจะตอบโต้การโจมตีของสหรัฐต่อสถานที่นิวเคลียร์ของอิหร่านอย่างไร แต่ “ภัยคุกคาม” ต่อการเดินเรือพาณิชย์ในน่านน้ำคาบสมุทรอาหรับได้เพิ่มสูงขึ้น

“ภัยคุกคามจาก ‘กลุ่มฮูตี’ ต่อการเดินเรือในทะเลแดงและอ่าวเอเดนก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน” จาค็อบ ลาร์เซน หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงของ Bimco กล่าว “กลุ่มฮูตีข่มขู่ว่า จะโจมตีเรือพาณิชย์ที่มีความเกี่ยวข้องกับอิสราเอลหรือสหรัฐ แต่ก็ไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ที่เรือพาณิชย์ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับประเทศอื่นจะตกเป็นเป้าหมายได้เช่นกัน”

ลาร์เซนคาดว่า เรือรบของสหรัฐ และเรือพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอลหรือสหรัฐ จะเป็นเป้าหมายหลักที่อิหร่านต้องการโจมตี

ด้าน Maersk บริษัทขนส่งและโลจิสติกส์ของเดนมาร์กประกาศเมื่อวันศุกร์ว่า บริษัทจะระงับการเทียบท่าชั่วคราวที่ท่าเรือคอนเทนเนอร์ใหญ่ที่สุดของอิสราเอลอย่าง “ท่าเรือไฮฟา” ท่าเรือขนส่งสินค้ามูลค่า 4,200 ล้านดอลลาร์แห่งนี้ ซึ่งเคยตกเป็นเป้าโจมตีของขีปนาวุธจากอิหร่าน แต่ยังไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด 

ลาร์เซนจาก Bimco เตือนว่า อิหร่านอาจพยายามขยายวงการโจมตี เพื่อสร้างความปั่นป่วนแก่การเดินเรือพาณิชย์ในช่องแคบฮอร์มุซ โดยโจมตีเรือพาณิชย์ ซึ่งอาจใช้ขีปนาวุธต่อต้านเรือ หรือโดรนทั้งแบบบินและแบบผิวน้ำในการโจมตีดังกล่าว

“การวางทุ่นระเบิดในทะเล จะถือเป็นพัฒนาการที่อันตรายอีกขั้นหนึ่ง แต่ความตั้งใจของอิหร่านที่จะทำเช่นนั้นยังน่าสงสัย เนื่องจากเสี่ยงต่อเรือพาณิชย์ที่เกี่ยวข้องกับอิหร่านเอง และเสี่ยงต่อภัยพิบัติทางสิ่งแวดล้อม หากเกิดความเสียหายกับเรือ” ลาร์เซนกล่าว

ทั้งนี้ช่องแคบฮอร์มุซซึ่งเชื่อมระหว่างอ่าวเปอร์เซียกับทะเลอาหรับ ถือเป็นหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่สุดของโลกในด้านการขนส่งน้ำมัน หากน้ำมันไม่สามารถผ่านช่องแคบนี้ได้ แม้เพียงชั่วคราว ก็อาจทำให้ราคาพลังงานโลกพุ่งสูงขึ้น ค่าขนส่งเพิ่มขึ้น และเกิดความล่าช้าอย่างมีนัยสำคัญในห่วงโซ่อุปทาน

ในปี 2023 ปริมาณการลำเลียงน้ำมันผ่านช่องแคบฮอร์มุซเฉลี่ยอยู่ที่ 20.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ตามข้อมูลของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐ ซึ่งคิดเป็นประมาณ 20% ของการบริโภคปิโตรเลียมเหลวทั่วโลก

แม้ช่องแคบฮอร์มุซ จะรองรับการค้าขนส่งสินค้าทางเรือเพียงไม่ถึง 4% ของปริมาณการค้าโลก แต่ท่าเรือ Jebel Ali และ Khor Fakkan ถือเป็นจุดสำคัญในเครือข่ายการขนส่งทางทะเลของภูมิภาคนี้

สินค้าส่วนใหญ่จากท่าเรือเหล่านี้ มีจุดหมายปลายทางที่ “ดูไบ” ซึ่งกลายเป็นฮับการขนส่งสินค้า ไปยังอ่าวเปอร์เซีย เอเชียใต้ และแอฟริกาตะวันออก

เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ความตึงเครียดที่รุนแรงขึ้นระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ได้ส่งผลให้ค่าระวางเรือสินค้าทางทะเลจากเซี่ยงไฮ้ไปยังท่าเรือเจเบลอาลี ซึ่งเป็นท่าเรือใหญ่ที่สุดในอ่าวอาหรับ พุ่งสูงขึ้นในสัปดาห์นี้

บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลด้านการขนส่งสินค้า Xeneta ระบุว่า อัตราค่าระวางเฉลี่ยแบบ Spot เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า (นับถึงวันศุกร์) โดยปัจจุบันอัตราอยู่ที่ 2,761 ดอลลาร์ต่อหน่วยตู้คอนเทนเนอร์มาตรฐาน 40 ฟุต ซึ่งเป็นหน่วยวัดความจุของเรือและปริมาณสินค้า

ในด้านเรือบรรทุกน้ำมันดิบ ค่าระวางแบบ Spot สำหรับเรือบรรทุกขนาดใหญ่มาก (VLCC) ในเส้นทางตะวันออกกลาง–จีน เพิ่มขึ้น 154% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน (นับถึงวันพฤหัสบดี) ขณะที่เรือบรรทุกน้ำมันระยะไกลขนาดกลาง (LR2) ในเส้นทางตะวันออกกลาง–ญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 148% และเรือบรรทุกก๊าซขนาดใหญ่มาก (VLGC) ในเส้นทางตะวันออกกลาง–ญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 33%

สาเหตุของการเพิ่มขึ้นของอัตราค่าระวางเรือ มาจากต้นทุนรักษาความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเรือที่สูงขึ้น และการใช้เชื้อเพลิงมากขึ้น เนื่องจากเรือต้องแล่นเร็วขึ้นเมื่อต้องผ่านเขตเสี่ยงสูง

“เรือพาณิชย์ในพื้นที่ ควรพิจารณาลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามของอิหร่าน เช่น การหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ใกล้ชายฝั่งอิหร่าน” ลาร์เซนกล่าว “เรายังแนะนำให้เรือรักษาการติดต่ออย่างใกล้ชิดกับกองกำลังทหารเรือในพื้นที่ผ่านหน่วยงาน UK Maritime Trade Operations (UKMTO) เพื่อเพิ่มระดับการเฝ้าระวังและการสังเกตการณ์อย่างเข้มข้น” 


อ้างอิง: cnbc