ปิดช่องแคบฮอร์มุซเขย่าน้ำมันโลก จับตาอิหร่านทำจริงแค่ไหน

จับตาไพ่ใบสุดท้ายของอิหร่าน 'ปิดช่องแคบฮอร์มุซ' เขย่าน้ำมันโลก แต่อิหร่านจะทำได้จริงหรือไม่ ย้อนอดีตที่ผ่านมา อิหร่านยังไม่เคยปิดช่องแคบแห่งนี้มาก่อน
ความขัดแย้งระหว่าง "อิสราเอล-อิหร่าน" ที่มีมาต่อเนื่องกว่าหนึ่งสัปดาห์ ถูกยกระดับให้เข้มข้นขึ้นไปอีกเมื่อ "สหรัฐ" เปิดหน้าเข้าร่วมการโจมตีอิหร่านอย่างเต็มตัวเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงว่า สหรัฐได้โจมตีฐานนิวเคลียร์ 3 แห่งในอิหร่านแล้ว ทั้ง ฟอร์โดว์ นาตันซ์ และเอสฟาฮาน ซึ่งนับเป็น "จุดเปลี่ยนสำคัญ" ในความขัดแย้งครั้งนี้ที่อาจนำไปสู่สงครามอย่างเต็มตัว
ทรัมป์ยังโพสต์ล่าสุดในโซเชียลมีเดียตั้งคำถามสำคัญเกี่ยวกับ "ความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองในอิหร่าน" โดยได้โพสต์ในโซเชียลมีเดียว่า "คำว่า 'การเปลี่ยนแปลงระบอบ' อาจจะไม่ถูกต้องนัก ทางการเมือง แต่หากระบอบการปกครองอิหร่านในปัจจุบันไม่สามารถทำให้อิหร่านยิ่งใหญ่ขึ้นได้อีกครั้ง แล้วทำไมถึงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองล่ะ??? MIGA!!!" ทรัมป์ระบุถึงแนวทาง Make Iran Great Again
อิหร่านเหลือทางตอบโต้อะไรได้บ้าง?
การเคลื่อนไหวดังกล่าวของสหรัฐทำให้เกิดการคาดเดาว่า ผู้นำอิหร่านอาจหาทางอื่นเพื่อกดดันศัตรูให้ยอมอ่อนข้อ นั่นคือ "การปิดช่องแคบฮอร์มุซ" ไม่ให้เรือเดินทะเลแล่นผ่าน ช่องแคบนี้ซึ่งอยู่บริเวณปากอ่าวเปอร์เซียเป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันทางทะเลประมาณ 1 ใน 4 ของโลก ดังนั้น หากอิหร่านสามารถขวางไม่ให้เรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่ขนส่งน้ำมัน และก๊าซไปยังจีน ยุโรป และภูมิภาคอื่นๆ เข้าเทียบท่าได้ ก็จะส่งผลให้ราคาน้ำมันโลกพุ่งทะยาน และอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจโลกอีกครั้ง
อิหร่านเคยโจมตีเรือสินค้าที่แล่นผ่านจุดคอขวดมาแล้ว และเคยขู่ว่าจะปิดกั้นช่องแคบนี้มาหลายปีแล้ว และในครั้งล่าสุดนี้ รัฐสภาอิหร่านก็เพิ่งลงมติเมื่อวันเสาร์ สนับสนุนการปิดช่องแคบฮอร์มุซ แต่การตัดสินใจขั้นสุดท้ายจะขึ้นอยู่กับคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่าน และผู้นำสูงสุดอย่าง อยาตอลลาห์ อาลี คาเมเนอี ว่าจะไฟเขียวหรือไม่ อย่างไรก็ดี มีรายงานว่าบริษัทเดินเรือหลายแห่งเริ่มทบทวนการใช้เส้นทางช่องแคบฮอร์มุซแล้ว
ช่องแคบฮอร์มุซอยู่ที่ไหน
ช่องแคบฮอร์มุซ (Hormuz Strait) เชื่อมอ่าวเปอร์เซียกับมหาสมุทรอินเดีย โดยมีอิหร่านอยู่ทางเหนือ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และโอมานอยู่ทางใต้ ช่องแคบนี้มีความยาวเกือบ 161 กิโลเมตร และจุดที่แคบที่สุดมีความกว้างเกือบ 34 กิโลเมตร และเส้นทางเดินเรือในแต่ละทิศทางมีความกว้างเพียง 3.2 กิโลเมตร ความลึกที่ค่อนข้างตื้นทำให้เรือมีความเสี่ยงที่จะโดนทุ่นระเบิด และเนื่องจากอยู่ใกล้แผ่นดิน โดยเฉพาะ "อิหร่าน" ทำให้เรือเสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากขีปนาวุธบนชายฝั่งหรือถูกเรือตรวจการณ์และเฮลิคอปเตอร์สกัดกั้น
ช่องแคบนี้มีความสำคัญต่อการค้าน้ำมันโลกเป็นอย่างมาก ข้อมูลที่รวบรวมโดยบลูมเบิร์กระบุว่าในปี 2567 เรือบรรทุกน้ำมันขนส่งน้ำมันดิบ และก๊าซธรรมชาติเหลว (Condensate)ประมาณ 16.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากซาอุดีอาระเบีย อิรัก คูเวต สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอิหร่านผ่านช่องแคบนี้ ในปี 2567 ตามข้อมูลที่รวบรวมโดย Bloomberg ช่องแคบนี้ยังมีความสำคัญอย่างมากสำหรับการค้า LNG โดยมีการขนส่งก๊าซธรรมชาติมากกว่า 1 ใน 5 ของโลกในปีเดียวกัน ส่วนใหญ่มาจากกาตาร์
อิหร่านสามารถปิดช่องแคบฮอร์มุซได้จริงหรือ?
อิหร่าน "ไม่มีอำนาจตามกฎหมาย" ในการสั่งหยุดการจราจรผ่านช่องแคบฮอร์มุซ การดำเนินการจะต้องเป็นการใช้กำลังหรือขู่ว่าจะใช้กำลัง หากกองทัพเรือของอิหร่านพยายามปิดกั้นไม่ให้เรือสินค้าเข้าสู่ช่องแคบ อิหร่านก็อาจเผชิญการตอบโต้จาก "กองเรือที่ 5 ของสหรัฐ" ซึ่งประจำในตะวันออกกลางครอบคลุมอ่าวอาหรับ ทะเลแดง ทะเลอาราเบียน และบางส่วนในมหาสมุทรอินเดีย รวมถึงกองทัพเรือตะวันตกอื่นๆ ที่ลาดตระเวนอยู่ในบริเวณนั้น
แต่อิหร่านก็มีวิธีทำให้ช่องแคบแห่งนี้หยุดชะงักโดยไม่ได้สั่งการเรือรบ หนึ่งในทางเลือกนั้นก็คือ การใช้เรือตรวจการณ์ขนาดเล็ก และรวดเร็วเข้าคุกคามเรือเดินทะเล หรืออาจปล่อยโดรน และยิงขีปนาวุธใส่เรือจากชายฝั่งหรือจากจุดยิงภายในแผ่นดิน ซึ่งอาจทำให้การเดินเรือพาณิชย์ผ่านเส้นทางดังกล่าวมีความเสี่ยงเกินไปที่จะใช้เส้นทางนี้
"กลุ่มติดอาวุธฮูตี" ในเยเมน ก็ใช้กลยุทธ์เดียวกันนี้มาแล้วในการขัดขวางการจราจรผ่านช่องแคบ บับ เอล-มันเดบ (Bab el-Mandeb Strait) ที่มุ่งหน้าสู่ทะเลแดงที่อีกฟากหนึ่งของคาบสมุทรอาหรับ ส่วนใหญ่กลุ่มฮูตีจะยิงขีปนาวุธ และโดรนไปที่เรือต่างๆ หลังจากออกคำเตือนเจ้าของเรือจากสหรัฐ สหราชอาณาจักร และอิสราเอล ว่าจะถูกโจมตีหากเข้าใกล้พื้นที่ดังกล่าว
กรณีของฮูตีนั้น แม้กองกำลังที่นำโดยสหรัฐในทะเลแดงจะพยายามปกป้องการเดินเรือในบริเวณนั้น แต่จำนวนเรือที่แล่นผ่านทะเลแดง และอ่าวเอเดนก็ลดลงมากถึงราว 70% ในเดือนมิถุนายน เมื่อเทียบกับระดับเฉลี่ยในปี 2022 และ 2023 ตามข้อมูลของ Clarkson Research Services ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของโบรกเกอร์การเดินเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปัญหานี้ทำให้ผู้ประกอบการเรือต้องเปลี่ยนเส้นทางการเดินเรือไปอ้อมแหลมกู๊ดโฮป ในแอฟริกา แทนที่จะผ่านคลองสุเอซ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ยาวนานกว่า และมีราคาแพงกว่าสำหรับเรือที่เดินทางระหว่างเอเชีย และยุโรป
อย่างไรก็ตาม การปิดช่องแคบฮอร์มุซ "จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของอิหร่านอย่างรวดเร็วด้วย" เนื่องจากจะขวางการส่งออกน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นหัวใจของเศรษฐกิจอิหร่าน และจะทำให้เกิดความขัดแย้งกับ "จีน" ซึ่งเป็นผู้ซื้อน้ำมันอิหร่านรายใหญ่ที่สุด และยังเป็นพันธมิตรสำคัญที่ช่วยยับยั้งไม่ให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ลงมติคว่ำบาตรอิหร่าน ในฐานะที่จีนเป็น 1 ใน 5 สมาชิกถาวรที่มีสิทธิวีโต้ใน UNSC ได้
อิหร่านเคยปิดช่องแคบฮอร์มุซหรือไม่?
อิหร่านยังไม่เคยถึงขั้นปิดช่องแคบแห่งนี้มาก่อน ในช่วงสงครามอิรัก-อิหร่านในปี 1980-1988 หรือราวสองปีก่อนที่จะเกิดสงครามอ่าว กองกำลังอิรักโจมตีท่าเรือส่งออกน้ำมันที่เกาะคาร์ก ทางตะวันตกเฉียงเหนือของช่องแคบ ส่วนหนึ่งเพื่อยั่วยุการตอบโต้ของอิหร่านที่จะดึงสหรัฐเข้าสู่ความขัดแย้ง ต่อมาในสงครามที่เรียกว่า Tanker War ซึ่งยังอยู่ในช่วงสงครามอิรัก-อิหร่าน ทั้งสองฝ่ายโจมตีเรือบรรทุกน้ำมัน 451 ลำ ทำให้ต้นทุนการประกันเรือบรรทุกน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก และดันราคาน้ำมันให้สูงขึ้นเมื่อมีการคว่ำบาตรอิหร่านในปี 2011 ซึ่งอิหร่านขู่ว่าจะปิดช่องแคบ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ
พลเรือจัตวาอาลีเรซา ทังซีรี หัวหน้ากองกำลังทางเรือของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามอิหร่าน กล่าวเมื่อไม่นานก่อนที่จะยึดเรือ MSC Aries ว่า อิหร่านมีทางเลือกที่จะขัดขวางการจราจรผ่านช่องแคบฮอร์มุซ แต่เลือกที่จะไม่ทำ
อิหร่านเลือกใช้วิธีการก่อกวนแทนสงครามใหญ่
อิหร่านใช้วิธีคุกคามการเดินเรือในอ่าวเปอร์เซียมาหลายทศวรรษ เพื่อแสดงความไม่พอใจมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน หรือเพื่อกดดันกรณีข้อพิพาท
ในเดือนเมษายน 2024 ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะเปิดฉากโจมตีอิสราเอลด้วยโดรน และขีปนาวุธ กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่านได้ยึดเรือบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ MSC Aries ที่เกี่ยวข้องกับอิสราเอลใกล้ช่องแคบฮอร์มุซ โดยปล่อยตัวลูกเรือในเดือนถัดมา อิหร่านอ้างว่าเรือดังกล่าวละเมิดกฎระเบียบทางทะเล แต่บรรดานักวิเคราะห์มองว่าแรงจูงใจมาจากการที่อิสราเอลเป็นเจ้าของเรือมากกว่า
ในเดือนเมษายน 2023 อิหร่านได้ยึดเรือบรรทุกน้ำมันลำหนึ่งที่มุ่งหน้าสู่สหรัฐโดยอ้างว่าเรือลำดังกล่าวได้ชนเรืออีกลำหนึ่ง แต่การเคลื่อนไหวดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นการตอบโต้การที่สหรัฐยึดเรือบรรทุกน้ำมันดิบของอิหร่านนอกชายฝั่งมาเลเซีย โดยอ้างเรื่องละเมิดมาตรการคว่ำบาตร ส่วนในเดือนพฤษภาคม 2022 อิหร่านยึดเรือบรรทุกน้ำมันของกรีก 2 ลำ เป็นเวลา 6 เดือน ซึ่งคาดว่าเป็นการตอบโต้การยึดน้ำมันของอิหร่านบนเรืออีกลำโดยทางการกรีซ และสหรัฐ
ที่ผ่านมาสหรัฐ และพันธมิตรตอบโต้ภัยคุกคามในฮอร์มุซ อย่างไร?
ในช่วงสงคราม Tanker War กองทัพเรือสหรัฐหันมาใช้การคุ้มกันเรือผ่านอ่าวเปอร์เซีย ส่วนในปี 2019 กองทัพเรือสหรัฐได้ส่งเรือบรรทุกเครื่องบิน และเครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 ไปยังภูมิภาคดังกล่าว ในปีเดียวกันนั้น สหรัฐได้เริ่มปฏิบัติการเซนติเนล (Operation Sentinel) เพื่อตอบโต้การที่อิหร่านทำให้การเดินเรือหยุดชะงัก ต่อมามีประเทศอื่นอีก 10 ประเทศ รวมถึงสหราชอาณาจักร ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และบาห์เรน เข้าร่วมปฏิบัติการนี้ในเวลาต่อมา ซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ ปฏิบัติการสร้างความมั่นคงทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Security Construct)
ตั้งแต่ช่วงปลายปี 2023 เป็นต้นมา การปกป้องการเดินเรือส่วนใหญ่ได้ถูกเปลี่ยนโฟกัสจากช่องแคบฮอร์มุซไปเป็นทะเลแดงตอนใต้ ซึ่งเป็นเส้นทางเดินเรือสำคัญอีกเส้นทางหนึ่งของภูมิภาค และช่องแคบบับ เอล-มันเดบ ที่เชื่อมต่อกับอ่าวเอเดน และมหาสมุทรอินเดีย เนื่องจากการโจมตีโดยกลุ่มฮูตีซึ่งได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน เป็นปัญหาที่น่ากังวลมากกว่าช่องแคบฮอร์มุซ
ใครพึ่งพาช่องแคบฮอร์มุซมากที่สุด?
"ซาอุดีอาระเบีย" ส่งออกน้ำมันผ่านช่องแคบฮอร์มุซมากที่สุด แต่ซาอุดีอาระเบียก็ยังพอสามารถเปลี่ยนเส้นทางการขนส่งไปยังยุโรปได้โดยใช้ท่อส่งน้ำมันยาว 746 ไมล์ที่เชื่อมไปยังท่าเรือในทะเลแดง ซึ่งทำให้เลี่ยงความเสี่ยงได้ทั้งช่องแคบฮอร์มุซ และทะเลแดงทางตอนใต้
ส่วน "สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์" (ยูเออี) สามารถส่งออกน้ำมันดิบบางส่วนได้โดยไม่ต้องพึ่งพาช่องแคบฮอร์มุซ โดยส่งน้ำมัน 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ผ่านท่อส่งจากแหล่งน้ำมันไปยังท่าเรือฟูไจราห์ ในอ่าวโอมาน ทางตอนใต้ของฮอร์มุซ
สำหรับ "อิรัก" เนื่องจากท่อส่งน้ำมันไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียนปิดให้บริการ การส่งออกน้ำมันทั้งหมดของอิรักจึงส่งทางทะเลจากท่าเรือบาสรา ทางตอนใต้ของประเทศ โดยผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ทำให้อิรักต้องพึ่งพาช่องแคบนี้เป็นอย่างมาก ในขณะที่ "คูเวต กาตาร์ และบาห์เรน" ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องส่งน้ำมันผ่านช่องแคบนี้ โดยน้ำมันส่วนใหญ่ที่ผ่านช่องแคบฮอร์มุซจะมุ่งหน้าสู่ "เอเชีย"
"อิหร่าน" เองก็ต้องพึ่งพาการขนส่งผ่านช่องแคบฮอร์มุซสำหรับการส่งออกน้ำมันเช่นกัน โดยมีท่าเทียบเรือส่งออกที่เมืองจาสก์ (Jask) ทางปลายด้านตะวันออกของช่องแคบ ซึ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกรกฎาคม 2021 ท่าเทียบเรือแห่งนี้ช่วยให้อิหร่านสามารถส่งออกน้ำมันดิบจำนวนหนึ่งได้โดยไม่ต้องใช้เส้นทางเดินเรือตลอดช่องแคบ และเมื่อปลายปีที่แล้วคลังน้ำมันที่จาสก์ก็ค่อยๆ เต็มไปด้วยน้ำมันดิบเต็มอัตรา
ที่มา: Bloomberg
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์