น่าหลงใหล หรือแค่แปลก? กลยุทธ์ ‘ลาบูบู้’ เอาชนะใจคนทั่วโลก ?

น่าหลงใหล หรือแค่แปลก?  กลยุทธ์ ‘ลาบูบู้’ เอาชนะใจคนทั่วโลก ?

อะไรคือเบื้องหลังความสำเร็จ "ตุ๊กตาหูแหลมฟันเก้าซี่" จาก Pop Mart ที่กลายเป็นกระแสโลก หนึ่งในนั้นคือการที่ Lisa, Rihanna, Beckham โพสต์ภาพคู่ และเริ่มฮิตในจีนช่วงโควิด 2022 ก่อนลุกลามเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ไม่ว่าเราจะคิดว่ามันน่ารัก น่าเกลียด หรือแค่แปลกประหลาด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราล้วนเคยได้ยินชื่อตุ๊กตาตัวนี้ที่โด่งดังไปทั่วโลก ไม่ว่าจะมาจากคนดังที่คลั่งไคล้ อย่าง Rihanna, Dua Lipta หรือ Lisa และยังมีแฟน ๆ ของเจ้าตุ๊กตาตัวนี้อีกด้วย จนกลายเป็นซอฟต์พาวเวอร์ของจีน ทำให้เกิดแถวต่อคิวเพื่อซื้อ “กล่องสุ่ม” ยาวเหยียดไปทั่วทุกมุมโลก ตั้งแต่ปักกิ่งไปจนถึงลอนดอน ทำให้ตุ๊กตาตัวอื่น ๆ ในตระกูลเดียวกันขายดีเป็นเทน้ำเทท่า

“ลาบูบู้” ได้ถือกำเนิด ในฐานะสัตว์ประหลาดจากแบรนด์ Pop Mart ผู้ผลิตตุ๊กตารายใหญ่จากประเทศจีน จนทำกำไรไปได้กว่า สามเท่า ในปีที่ผ่านมา

ลาบูบู้ คืออะไร

นี่คือหนึ่งในคำถามที่ผู้ค้นถามมากที่สุด ซึ่งแม้แต่คนที่รู้คำตอบก็ยังไม่แน่ใจว่าจะอธิบายความคลั่งไคล้นี้ได้อย่างไร

ลาบูบู้ คือตัวละครสมมติที่ถูกสร้างขึ้นโดยไม่มีความหมายใด ๆ โดยในตอนแรกมันเป็นเพียงชื่อตัวละครหนึ่งในชุดของเล่น “The Monster” ที่ถูกสร้างโดย Kasing Lung ศิลปินชาวฮ่องกง

แต่ปัจจุบันตุ๊กตาลาบูบู้ ได้ปรากฏตัวในซีรีส์ "The Monsters" หลายชุด เช่น Big into Energy, Have a Seat, Exciting Macaron และ Fall in Wild นอกจากนี้แบรนด์ลาบูบู้ ยังมีตัวละครอื่นๆ จากจักรวาลของมัน ซึ่งได้สร้างแรงบันดาลใจให้เกิดตุ๊กตายอดนิยมของตัวเอง เช่น Zimomo ผู้นำเผ่า, Tycoco แฟนของเธอ และ Mokoko เพื่อนของเธอ

ลาบูบู้ มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ หูแหลมคม, ตาโต และรอยยิ้มซุกซนที่เผยให้เห็นฟันเก้าซี่ ขณะที่ชาวเน็ตมีทั้งที่อยากรู้อยากเห็น พร้อมแสดงความคิดเห็นที่แตกแยก เพราะยังคงตัดสินใจไม่ได้ว่าพวกมันน่ารักหรือแปลกประหลาด

เมื่อเราลองหาข้อมูลเกี่ยวกับตุ๊กตาตัวนี้ในเว็ปไซต์ผู้จัดจำหน่ายพบว่า “ลาบูบู้” มีจิตใจดีและอยากช่วยเหลือผู้อื่นเสมอ แต่บ่อยครั้งก็บังเอิญทำให้เกิดผลตรงกันข้าม

ลาบูบู้ ฟีเวอร์ เกิดขึ้นมาได้ยังไง

ก่อนหน้านี้ ลาบูบู้ มีกระแสแค่ในประเทศต้นกำเนิดเท่านั้น ในช่วงปลายปี 2022 ซึ่งเป็นช่วงที่จีนเริ่มฟื้นตัวจากสถานการณ์โรคระบาดครั้งใหญ่

Ashley Dudarenok ผู้ก่อตั้ง ChoZan บริษัทวิจัยที่เน้นตลาดจีน กล่าวว่า "หลังการเกิดโรคระบาด ผู้คนจำนวนมากในจีนต่างรู้สึกว่าพวกเขาต้องการหลีกหนีจากความเครียด ซึ่ง ลาบูบู้ เป็นตัวละครที่มีทั้งเสน่ห์และความวุ่นวายไปพร้อม ๆ กัน" "มันเป็นตัวแทนของแนวคิดต่อต้านความสมบูรณ์แบบ"

แม้โซเชียลในจีนจะสร้างกระสจนเป็นไวรัลไปทั่วประเทศมากมาย แต่มันกลับไม่ถูกส่งออกยังต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ลาบูบู้ เป็นหนึ่งในข้อยกเว้นนั้น ความนิยมของมันถูกแพร่กระจายมายังเอชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างรวดเร็ว

Fiona ซึ่งอาศัยอยู่ในแคนาดา เล่าว่าเธอรู้จัก ลาบูบู้ ครั้งแรกจากเพื่อนชาวฟิลิปปินส์ในปี 2023 นั่นคือจุดเริ่มต้นที่เธอเริ่มซื้อพวกมัน เธอพบว่ามันน่ารักแต่ความนิยมที่เพิ่มขึ้นก็เป็นสิ่งดึงดูดใจสำคัญ

"ยิ่งมันได้รับความนิยมมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งอยากได้มันมากขึ้นเท่านั้น"
 

เธอกล่าวว่า "สามีของฉันไม่เข้าใจว่าทำไมฉันซึ่งอยู่ในวัย 30 ถึงได้หมกมุ่นกับอะไรแบบนี้ อย่างเช่นการใส่ใจว่าจะซื้อสีไหนดี"

เธอกล่าวเสริมว่า ราคาของมันไม่ต่างจากราคาเครื่องประดับกระเป๋าในปัจจุบันอยู่แล้ว ซึ่งคนส่วนใหญ่สามารถซื้อได้ แม้ว่าความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจะทำให้ราคาในตลาดมือสองพุ่งสูงขึ้น แต่ Fiona กล่าวว่าราคาขายหน้าร้าน ซึ่งมีตั้งแต่ 25 ดอลลาร์แคนาดา (ราว 630 บาท) ถึง 70 ดอลลาร์แคนาดา สำหรับตุ๊กตาลาบูบู้ ถือว่า "ยอมรับได้"

นอกจากนี้ ความนิยมของ ลาบูบู้ พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเหล่าคนดังต่างพากันโพสต์ภาพคู่กับมัน ไม่ว่าจะเป็น Lisa ที่โพสต์ภาพถ่ายหลากหลายภาพ, Rihanna ที่โพสต์ภาพมันพร้อมกับกระเป๋า Louis Vuitton นอกจากนี้ยังมีเหล่าคนดังอีกมากมายที่ต่างโพสต์ภาพในท่าทางที่แตกต่างกันออกไป

จนกระทั้งในตอนนี้ตุ๊กตาลาบูบู้ดูเหมือนจะอยู่ทั่วไปหมด ไม่เพียงแต่ในโลกออนไลน์ แต่ยังเห็นได้จากเพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่ผู้คนที่เดินผ่านไปมา

อะไรอยู่เบื้องหลังเรื่องราวเหล่านี้

พูดง่าย ๆ คือ ไม่มีใครรู้ เช่นเดียวกับกระแสไวรัลส่วนใหญ่ ซึ่งการที่ ลาบูบู้ จะสามารถดึงดูดผู้คนจำนวนมากได้นั้นยากที่จะอธิบายได้ มันเป็นเรื่องของ จังหวะเวลา รสนิยม และดวง

รัฐบาลปักกิ่งย่อมพอใจกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น สำนักข่าว Xinhua ของทางการจีนระบุว่า ลาบู้บู้ "แสดงให้เห็นถึงเสน่ห์ของความคิดสร้างสรรค์ คุณภาพ และวัฒนธรรมจีน ในภาษาที่ทั่วโลกสามารถเข้าใจได้" พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้ทุกคนได้เห็น "Cool China"
นอกจากนี้ยังมีการกล่าวรวมไปถึง ทรัพย์สินทางปัญญาทางวัฒนธรรมของจีนที่กำลังจะก้าวสู่ระดับโลก เช่น วิดีโอเกม Black Myth: Wukong และภาพยนตร์แอนิเมชันยอดนิยม อย่าง Nezha

นักวิเคราะห์บางรายดูประหลาดใจอย่างมากที่บริษัทสัญชาติจีน ตั้งแต่ผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และนักพัฒนา AI ไปจนถึงผู้ค้าปลีก ประสบความสำเร็จอย่างมาก จนเกิดความไม่สบายใจจากชาติตะวันตกเกี่ยวกับความทะเยอทะยานของปักกิ่ง

Chris Pereira ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทที่ปรึกษา iMpact บอกกับ BBC News ว่า บริษัทเหล่านี้ทั้งหมดมีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจมากเหมือนกันคือ "มันดีมากจนไม่มีใครสนว่ามาจากจีน คุณไม่สามารถมองข้ามพวกมันได้"

ผลงานแปลของ พงศ์พล นิสยันท์ นักศึกษาฝึกงานของกรุงเทพธุรกิจ