‘สี จิ้นผิง’ ยังไม่ส่งสัญญาณช่วยอิหร่าน ขณะทรัมป์กดดันหนัก

แม้จีนประณามอิสราเอลอย่างรวดเร็วหลังโจมตีอิหร่าน แต่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังไม่ส่งสัญญาณเร่งจัดหาอาวุธหรือการสนับสนุนอื่นๆ ให้รัฐบาลเตหะราน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน รัฐบาลปักกิ่งออกแถลงการณ์เตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ให้สถานการณ์ระหว่างอิสราเอลกับอิหร่านบานปลาย ในวันพฤหัสบดี (19 มิ.ย.) ก็เรียกร้องอีกครั้งให้สหรัฐและชาติอื่นๆ ใช้การเจรจาและ “ป้องกันไม่ให้สถานการณ์ในภูมิภาคถลำลึก”
แต่จีนก็ยังไม่เสนอการสนับสนุนที่เป็นรูปธรรมให้กับอิหร่านนอกเหนือไปจากการค้าขายกันตามปกติ ซึ่งเป็นแนวทางที่จีนใช้กับรัสเซียด้วย
บลูมเบิร์กรายงานว่า แม้รัฐบาลของสีสนับสนุนทางการทูตต่อสงครามในยูเครนของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน และส่งสินค้าใช้ได้สองทางไปให้มอสโก แต่จีนระมัดระวังไม่จัดหาอาวุธให้โดยตรงเพื่อหลีกเลี่ยงถูกสหรัฐคว่ำบาตร ตอนพันธมิตรเหนียวแน่นอย่างปากีสถานเผชิญหน้าทางทหารครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบห้าสิบปีกับอินเดีย รัฐบาลปักกิ่งเรียกร้องแบบเดียวกันนี้ไม่ให้สถานการณ์บานปลาย
“จีนอาจกำลังเสนอความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและวาจาให้กับอิหร่าน แต่ยังไม่มีการพูดถึงการแทรกแซงทางทหารในอนาคตอันใกล้นี้ จีนไม่อยากเสี่ยงติดกับในสงครามอิหร่านกับอิสราเอลที่รัฐบาลทรัมป์อยู่เบื้องหลัง” เหวิน ตี้ซุง นักวิจัยจากโกลบอลไชนาฮับ ของกลุ่มคลังสมองแอตแลนติกเคาน์ซิลกล่าว
สหรัฐมักเข้าไปพัวพันกับสงครามยืดเยื้อในต่างแดนมาโดยตลอด แต่นโยบายต่างประเทศอันโดดเด่นของสีคือไม่ยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งในต่างประเทศ หลักการไม่แทรกแซงนี้เปิดช่องให้รัฐบาลปักกิ่งแตกต่างจากวอชิงตันในกลุ่มโลกใต้ที่จีนเร่งสร้างสัมพันธ์ด้วยการให้สินเชื่อและการพัฒนา โดยไม่เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง
แนวทางที่ปักกิ่งมีต่ออิหร่านสะท้อนถึงแนวทางของรัสเซีย พันธมิตรสำคัญอีกราย ที่วิจารณ์การโจมตีของอิสราเอล แต่สนับสนุนเตหะรานเพียงเล็กน้อย หลังจากหารือเรื่องตะวันออกกลางกับปูตินทางโทรศัพท์ในวันพฤหัสบดี (19 มิ.ย.) สีได้ออกข้อเสนอสี่ข้อ เรียกร้องให้หยุดยิง และ “หยุดสงคราม”
“เป็นหน้าที่ของชุมชนระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาอำนาจที่มีอิทธิพลพิเศษต่อฝ่ายที่ขัดแย้งในการพยายามช่วยคลี่คลายสถานการณ์” สีกล่าวโดยอ้างถึงสหรัฐอเมริกาอย่างอ้อมๆ
จีนกระชับความสัมพันธ์ทางการทูตและเศรษฐกิจกับเตหะรานในช่วงไม่กี่ปีหลัง แต่ก็ไม่ได้เป็นพันธมิตรกันอย่างเป็นทางการ สีดูแลให้อิหร่านได้เข้าร่วมองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ในปี 2023 และเข้าเป็นสมาชิก BRICS กลุ่มที่ปักกิ่งสนับสนุนเพื่อท้าทายอำนาจสหรัฐในเวทีโลก
แม้ในปี 2021 จีนเคยลงนามข้อตกลงความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ 25 ปี รวมถึงให้คำมั่นการลงทุน 4 แสนล้านดอลลาร์จากจีน แต่การปฏิบัติจริงไม่ได้เป็นตามนั้น ตอนนี้ผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของจีนในอ่าวเปอร์เซียมากกว่าสายสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่มีกับอิหร่าน
การค้ากับอิหร่านเข้าทางปักกิ่งมากกว่า อิหร่านค้าขายกับจีนถึงหนึ่งในสาม ขณะที่การค้ากับอิหร่านไม่ถึง 1% ของจีน แม้จีนซื้อน้ำมันราว 90% ที่อิหร่านส่งออกท้าทายมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐ แต่สุดท้ายแล้วจีนย่อมหาซื้อจากที่อื่นได้
“ในกรณีที่น้ำมันอิหร่านส่งออกไม่ได้เลยซึ่งเกิดขึ้นได้ยาก ก็จะมีน้ำมันสำรองจากผู้ผลิตโอเปคพลัสมาทดแทน” ฟิตช์เรตติ้งระบุในรายงานวันจันทร์ (16 มิ.ย.)







