สงครามอิสราเอล-อิหร่าน: เกมเปลี่ยนโลก | ปิยศักดิ์ มานะสันต์

วันที่ 13 มิถุนายน 2568 อิสราเอลได้เปิดฉากโจมตีโรงงานนิวเคลียร์นาทานซ์ ในเมืองอิสฟาฮานของอิหร่านอย่างรุนแรง พร้อมทั้งสังหารผู้นำระดับสูงของกองทัพอิหร่านหลายราย
รวมถึง Mohamad Bagheri หัวหน้าคณะเสนาธิการทหาร แม้อิหร่านจะตอบโต้ด้วยการส่งโดรนกว่า 100 ลำ แต่เกือบทั้งหมดถูกสกัดกั้นได้
การโจมตีครั้งนี้ไม่ใช่เพียงการตอบโต้ธรรมดา แต่เป็นการเปิดฉากของ "เกมอันตราย" ที่จะเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางการเมืองและเศรษฐกิจโลกไปตลอดกาล
ความขัดแย้งครั้งนี้เป็น "เกมที่อันตราย" ที่ต่างฝ่ายต่างพยายามหาทางตอบโต้และสร้างความได้เปรียบ แต่ยังคงพยายามหลีกเลี่ยงสงครามเต็มรูปแบบขนาดใหญ่ที่จะทำลายล้างภูมิภาค
การโจมตีที่รุนแรงและมีเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ของอิสราเอล เป็นผลจากการที่อิสราเอลจะไม่ยอมให้อิหร่านมีอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งอิหร่านย่อมต้องตอบโต้เพื่อรักษาหน้า
อย่างไรก็ตาม การที่โครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านซับซ้อน และมีการกระจายตัวและบางส่วนถูกฝังอยู่ใต้ภูเขาลึกหลายสิบถึงร้อยเมตร ทำให้การทำลายโดยสิ้นเชิงเป็นเรื่องยาก
บทบาทของสหรัฐอเมริกาเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้สถานการณ์ไม่สามารถจบลงได้ง่าย แม้สหรัฐฯ จะปฏิเสธการมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง แต่ท่าทีของประธานาธิบดีทรัมป์ที่ส่งสัญญาณสนับสนุนอิสราเอลและเตือนอิหร่านให้ "ทำข้อตกลง" สร้างความซับซ้อนเพิ่มเติม
สิ่งนี้อาจทำให้อิหร่านลังเลที่จะตอบโต้สหรัฐฯ โดยตรง แต่ก็อาจนำไปสู่การตอบโต้พันธมิตรของสหรัฐฯ ในภูมิภาคแทน
ในส่วนของผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและไทย ผู้เขียนได้วิเคราะห์สถานการณ์ (Scenario analysis) ออกเป็น 3 ระดับความรุนแรง โดยพิจารณาจากโอกาสในการเกิดและผลกระทบที่แตกต่างกัน ดังนี้
สถานการณ์แรกคือ สถานการณ์ฐาน ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้น 50% ในสถานการณ์นี้อิหร่านจะตอบโต้ด้วยการโจมตีเล็กน้อยโดยไม่ก่อความเสียหายร้ายแรงต่อโครงสร้างพื้นฐานน้ำมันหรือฐานทัพสหรัฐฯ และไม่ได้ปิดช่องแคบเฮอร์มุซ
การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ และอิหร่านอาจกลับมาเดินหน้าอย่างจริงจังและนำไปสู่ข้อตกลงใหม่ที่จำกัดโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ประเทศมหาอำนาจและองค์กรระหว่างประเทศสามารถกดดันให้ทั้งสองฝ่ายลดระดับความขัดแย้งลงได้
หากสถานการณ์เป็นไปตามนี้ ราคาน้ำมันจะปรับตัวลดลง จากจุดสูงสุดที่ 74.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล กลับสู่ระดับ 60-65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ภายใน 1 เดือน
แรงกดดันด้านเงินเฟ้อจากราคาพลังงานจะลดลง ทำให้ธนาคารกลางต่างประเทศยกเว้นธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) มีโอกาสลดดอกเบี้ยมากขึ้น
การเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะได้รับผลกระทบจำกัดเนื่องจากความไม่แน่นอนลดลงและต้นทุนพลังงานไม่พุ่งสูง
สำหรับประเทศไทย เศรษฐกิจจะมีโอกาสขยายตัวได้ 1.4% ในปีนี้ หรือสูงกว่า การส่งออกจะได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวเร็วขึ้นและสงครามการค้าที่ผ่อนคลาย
สถานการณ์ที่สองคือ สถานการณ์อึมครึม ซึ่งอาจมีโอกาสที่จะเกิดขึ้น 40% โดยในสถานการณ์นี้จะเกิดการปะทะกันเป็นระยะแต่ยังควบคุมได้ อิสราเอลและอิหร่านจะมีการตอบโต้กันเป็นระยะๆ ทั้งการโจมตีทางตรงและผ่านกลุ่มตัวแทน รวมถึงการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลังงานบางส่วน แต่ยังไม่ถึงขั้นปิดช่องแคบเฮอร์มุซ
ในสถานการณ์นี้ ราคาน้ำมันจะทรงตัวในระดับสูงที่ 70-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ยังคงอยู่
เงินเฟ้อจะเป็นปัญหาสำคัญ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ ทำให้ Fed ลดดอกเบี้ยได้ยากขึ้น การเติบโตของเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงตามคาดการณ์เดิม โดยมีแรงกดดันจากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้นเพิ่มเติม
สำหรับประเทศไทย เศรษฐกิจอาจขยายตัวเพียง 1.2% จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และความต้องการทั้งในและต่างประเทศที่แย่ลง
สถานการณ์ที่สามคือ สถานการณ์เลวร้ายที่สุด ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้น 10% ในสถานการณ์นี้ความขัดแย้งจะลุกลามเป็นสงครามเต็มรูปแบบในภูมิภาค
อิหร่านอาจโจมตีเป้าหมายน้ำมันสำคัญเช่น Kharg Island หรือโครงสร้างพื้นฐานของพันธมิตรสหรัฐฯ ในอ่าวเปอร์เซีย หรือแม้แต่พยายามปิดช่องแคบเฮอร์มุซ ซึ่งจะทำให้การขนส่งหยุดชะงักอย่างรุนแรง และอาจดึงสหรัฐฯ เข้ามาเกี่ยวข้องโดยตรง
หากสถานการณ์เลวร้ายนี้เกิดขึ้น ราคาน้ำมันจะพุ่งสูงถึง 100-120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หากช่องแคบเฮอร์มุซถูกปิดหรือการผลิตน้ำมันในภูมิภาคถูกกระทบอย่างหนัก
สิ่งนี้จะทำให้เกิดภาวะ Stagflation รุนแรง โดยเงินเฟ้อทั่วโลกพุ่งขึ้นสู่ระดับ 4% หรือสูงกว่านั้นในสหรัฐฯ และหลายประเทศ การเติบโตทางเศรษฐกิจจะชะลอตัวอย่างรุนแรงหรือเข้าสู่ภาวะถดถอย Fed จะต้องพิจารณาขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อแม้จะทำให้เศรษฐกิจถดถอยก็ตาม
จากพัฒนาการของสถานการณ์ในระยะหลังที่ความรุนแรงได้ขยายขอบเขตและเป้าหมายการโจมตีมากขึ้น ทำให้อาจต้องปรับการประเมินความเป็นไปได้ของแต่ละสถานการณ์ใหม่ โอกาสของสถานการณ์ฐานที่สงบลงได้เร็วเริ่มลดน้อยลง
ขณะที่สถานการณ์อึมครึม และสถานการณ์เลวร้ายที่สุดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานพลังงานและการยกเลิกการเจรจาของอิหร่านแสดงให้เห็นว่าความขัดแย้งกำลังบานปลายมากขึ้น
ตลาดการเงินจะยังคงอยู่ในภาวะผันผวน นักลงทุนจะหันไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัยเช่นทองคำและพันธบัตรรัฐบาล ขณะที่กระบวนการผลิตและห่วงโซ่อุปทานโลกจะได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนใหม่ การขนส่งสินค้าอาจต้องเปลี่ยนเส้นทาง ทำให้เกิดความล่าช้าและต้นทุนที่สูงขึ้น
สำหรับประเทศไทย ในทุกสถานการณ์จะเผชิญแรงกดดันจากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น การส่งออกจะหดตัวมากขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น
การท่องเที่ยวอาจได้รับผลกระทบทางอ้อมจากความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ลดลง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะตัดสินใจนโยบายการเงินลำบากขึ้น
ความขัดแย้งอิสราเอล-อิหร่านครั้งนี้เป็น "เกมที่อันตราย" ที่อิสราเอลเดิมพันสูงในการยับยั้งโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ซึ่งมีความเสี่ยงมหาศาลที่จะนำไปสู่สถานการณ์ที่รุนแรงและยืดเยื้อ
หากพิจารณาความเป็นไปได้แล้ว โอกาสที่สถานการณ์จะอยู่ในระดับอึมครึมต่อเนื่องสูงมากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งจะทำให้ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจในระยะยาวมีมากขึ้น
ผู้บริหารธุรกิจ นักลงทุน รวมถึงผู้กำหนดนโยบลาย ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับยุคที่ "ความยุ่งเหยิง" กลายเป็น "ระเบียบ" ใหม่ของโลกแล้วหรือยัง
บทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน ไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับหน่วยงานที่ผู้เขียนสังกัดอยู่






