จับสัญญาณ“สหรัฐ” เสริมกำลังตะวันออกกลาง

กองทัพสหรัฐเคลื่อนเครื่องบินเติมน้ำมันจำนวนมากเขาสู่ยุโรป เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะตะวันออกกลางตึงเครียดจากชวนความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล ความเคลื่อนไหวนี้น่าจับตา
KEY
POINTS
- สหรัฐกำลังเสริมแสนยานุภาพทางอากาศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นหากต้องปฏิบัติการต่อเนื่อง
- เครื่องบินเติมน้ำมัน KC-135s และ KC-46s ของสหรัฐจำนวนกว่า 31 ลำ ออกจากสหรัฐในวันอาทิตย (15 มิ.ย.) มุ่งหน้าไปทางตะวันออก
- สหรัฐมีกองกำลังขนาดใหญ่ในตะวันออกกลางอยู่แล้ว ทหารเกือบ 40,000 นาย
กองทัพสหรัฐเคลื่อนเครื่องบินเติมน้ำมันจำนวนมากเขาสู่ยุโรป เพื่อเพิ่มทางเลือกให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะตะวันออกกลางตึงเครียดจากชวนความขัดแย้งระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล ความเคลื่อนไหวนี้น่าจับตา
เจ้าหน้าที่สหรัฐสองรายให้ข้อมูลกับสำนักข่าวรอยเตอร์สแบบไม่เปิดเผยตัวตน เมื่อวันจันทร์ (16 มิ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยบอกด้วยว่า เรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอสนิมิตซ์กำลังมุ่งหน้าสู่ตะวันออกกลาง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งบอกว่าเป็นการส่งกำลังที่วางแผนไว้แล้วล่วงหน้า เรือนิมิตซ์บรรทุกบุคลากรได้ 5,000 นาย เครื่องบินกว่า 60 ลำ รวมถึงเครื่องบินรบ
เมื่อรวมกันแล้วการระดมกำลังครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า สหรัฐกำลังเสริมแสนยานุภาพทางอากาศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นหากต้องปฏิบัติการต่อเนื่อง ระหว่างที่อิหร่านกับอิสราเอลทำสงครามกันอย่างเปิดเผยไม่เคยมีมาก่อน
อิสราเอลเริ่มทิ้งระเบิดอิหร่านในวันศุกร์ (13 มิ.ย.) โดยให้เหตุผลว่า รัฐบาลเตหะรานใกล้ผลิตระเบิดนิวเคลียร์ นับจากนั้นทั้งสองก็ถล่มกันไม่ยั้ง พลเรือนบาดเจ็บล้มตายจนเกรงกันมากว่าความขัดแย้งจะขยายวงออกไป
ช่วงกลางดึกวันจันทร์ พีธ เฮกเซธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ โพสต์แพลตฟอร์ม Xโดยไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมว่า เขาสั่งส่งกำลังป้องกันเพิ่มเติมไปยังตะวันออกกลาง
“การปกป้องกองกำลังสหรัฐถือเป็นสิ่งที่สำคัญสูงสุดสำหรับเราการเคลื่อนพลครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อเสริมสร้างจุดยืนการป้องกันของสหรัฐในภูมิภาค” เฮกเซธระบุ
ข้อมูลติดตามการบินจากเว็บไซต์ AirNav ระบุว่า เครื่องบินเติมน้ำมัน KC-135s และ KC-46s ของสหรัฐจำนวนกว่า 31 ลำ ออกจากสหรัฐในวันอาทิตย์ (15 มิ.ย.) มุ่งหน้าไปทางตะวันออก
“การส่งเครื่องบินเติมน้ำมันของกองทัพอากาศสหรัฐกว่าสองโหลไปทางตะวันออกอย่างกะทันหันไม่ใช่เรื่องปกติ เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนถึงการเตรียมความพร้อมทางยุทธศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนอิสราเอล, เตรียมพร้อมเพื่อปฏิบัติการพิสัยไกล หรือเพื่อโลจิสติกส์ ความเคลื่อนไหวนี้แสดงให้เห็นว่า สหรัฐกำลังเตรียมตนเองให้พร้อมสำหรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว หากความตึงเครียดกับอิหร่านบานปลาย” เอริก โชเทน จากบริษัทวิเคราะห์ Dyami Security Intelligence ให้ความเห็น
ด้าน AirNav กล่าวว่า เครื่องบินกองทัพสหรัฐลงจอดที่ยุโรป เช่น ฐานทัพอากาศแรมสทีนในเยอรมนี และสนามบินในสหราชอาณาจักร, เอสโตเนีย และกรีซ
เจ้าหน้าที่สองรายเผยเมื่อวันอาทิตย์ว่า สหรัฐระมัดระวังตัว ช่วยเหลืออิสราเอลสกัดขีปนาวุธก็จริงแต่ทรัมป์ยับยั้งแผนการของอิสราเอลเมื่อเร็วๆ นี้ที่จะปลิดชีพอยาตอลลาห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน สหรัฐไม่สนับสนุนการใช้ไม้แข็งกับผู้นำทางการเมืองของอิหร่าน ตราบเท่าที่ชาวอเมริกันยังไม่ตกเป็นเป้า
ในเวลาเดียวกันทรัมป์ยกย่องการรุกของอิสราเอล พร้อมเตือนรัฐบาลเตหะรานไม่ให้ขยายวงการตอบโต้มาพุ่งเป้าสหรัฐ
เจ้าหน้าที่สหรัฐคนที่ 3 ไม่ได้ให้ความเห็นกับการเคลื่อนย้ายเครื่องบินเติมน้ำมัน แต่ย้ำว่ากิจกรรมทางทหารของสหรัฐในตะวันออกกลางเป็นไปเพื่อป้องกัน
แหล่งข่าววงในอีกรายกล่าวว่า สหรัฐแจ้งแก่ประเทศต่างๆ ในตะวันออกกลางว่ากำลังเตรียมการป้องกันตนเอง และจะเปลี่ยนเป็นปฏิบัติการรุกหากอิหร่านโจมตีโครงสร้างพื้นฐานใดๆ ของสหรัฐ
ทั้งนี้ สหรัฐมีกองกำลังขนาดใหญ่ในตะวันออกกลางอยู่แล้ว ทหารเกือบ 40,000 นาย รวมถึงระบบป้องกันทางอากาศ, เครื่องบินรบ และเรือรบ ที่สามารถช่วยสอยขีปนาวุธได้
เดือนก่อน เพนตากอนส่งเครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 ไปแทนที่ B-2 ณ ฐานทัพแห่งหนึ่งในอินโดแปซิฟิก ที่ถูกมองว่า เป็นทำเลในอุดมคติสำหรับปฏิบัติการในตะวันออกกลาง
เครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 สามารถบรรทุกอาวุธทำลายล้างบังเกอร์ขนาดใหญ่ได้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่าสามารถใช้โจมตีโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน
- ทรัมป์ทิ้งประชุม G7 รีบกลับวอชิงตัน
อีกหนึ่งสัญญาณที่ต้องจับตาคือ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ ที่ต้องร่วมประชุมผู้นำกลุ่มประเทศ G7 ที่แคนาดาถึงวันอังคาร (17 มิ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น แต่กลายเป็นว่าเขาต้องทิ้งการประชุมกลับกรุงวอชิงตันไปก่อนในวันจันทร์หลังรับประทานอาหารเย็นกับเหล่าผู้นำ
ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส กล่าวว่า การที่ทรัมป์กลับไปเป็นเรื่องดี เพราะต้องกลับไปทำเรื่องการหยุดยิงในตะวันออกกลาง แต่เจ้าตัวเผยในภายหลังว่า การที่เขาออกจากการประชุมผู้นำ G7 ก่อนกำหนดนั้น “ไม่เกี่ยวข้องกับ” การทำงานเพื่อหาข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน เหตุผลของเขา “ใหญ่กว่านั้นมาก”
“ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ผู้ชอบหาความสนใจได้กล่าวอย่างผิดพลาดว่าผมออกจากการประชุมผู้นำ G7 ในแคนาดา กลับไปยังวอชิงตัน ดี.ซี. เพื่อทำงานเรื่อง ‘การหยุดยิง’ ระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ผิดทั้งหมด!” ทรัมป์โพสต์ทรูธโซเชียลเมื่อเวลา 01.15 น. วันอังคาร (17 มิ.ย.) ตามเวลาวอชิงตัน ดี.ซี. ไม่นานหลังจากขึ้นเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวันเพื่อบินไปยังเมืองหลวงของสหรัฐ
“เขาไม่รู้เลยว่าทำไมตอนนี้ผมถึงรีบเดินทางกลับวอชิงตัน แต่แน่นอนว่าไม่เกี่ยวข้องกับการหยุดยิงแน่นอน มันเป็นเรื่องใหญ่กว่านั้นมาก” ทรัมป์เขียน “ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม เอ็มมานูเอลมักเข้าใจผิดอยู่เสมอ รอดูต่อไป!” ทรัมป์โพสต์โดยไม่ได้บอกชัดเจนว่าจะทำอะไรต่อไปเมื่อกลับถึงทำเนียบขาว
- เรือสินค้าเริ่มหลีกเลี่ยงช่องแคบฮอร์มุซ
เจ้าของเรือบางรายเลือกไม่ใช้ช่องแคบฮอร์มุซ สะท้อนถึงความวิตกกังวลที่เพิ่มมากขึ้นของอุตสาหกรรมเดินเรือ สาเหตุจากความขัดแย้งอิสราเอล-อิหร่านระอุต่อเนื่อง
เว็บไซต์ซีเอ็นบีซีรายงานว่า ขณะนี้เจ้าของเรือกำลังเฝ้าระวังเป็นพิเศษทั้งในทะเลแดงและช่องแคบฮอร์มุซ เส้นทางขนส่งสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันโลก และจุดเข้าออกของเรือขนส่งสินค้าที่จะไปเทียบท่า ณ ท่าเรือเจเบลอาลีของดูไบ
จาค็อบ ลาร์เซน ผู้อำนวยการฝ่ายความมั่นคงบิมโก สมาคมเจ้าของเรือสินค้าโลก กล่าวว่า ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-อิหร่านดูเหมือนกำลังขยายวง ทำให้เจ้าของเรือต่างกังวล จนจำนวนเรือที่แล่นผ่านพื้นที่นี้ “ลดลงเล็กน้อย”
บิมโก ซึ่งโดยทั่วไปไม่สนับสนุนให้เรือเดินทะเลหลีกเลี่ยงพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งกล่าวว่า สถานการณ์ความขัดแย้งทำให้เกิดความไม่แน่นอน
ช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเชื่อมอ่าวเปอร์เซียกับทะเลอาหรับ เป็นทางผ่านของน้ำมันที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในปี 2023 น้ำมันขนส่งผ่านช่องแคบแห่งนี้เฉลี่ยวันละ 20.9 ล้านบาร์เรล หรือราว 20% ของการบริโภคของโลก
หากน้ำมันผ่านช่องแคบฮอร์มุซไม่ได้แม้เพียงชั่วคราว ย่อมส่งผลให้ราคาพลังงานโลกพุ่งสูง เพิ่มต้นทุนค่าขนส่ง และอุปทานน้ำมันล่าช้าลงอย่างมาก