‘ทองคำ’ ขึ้นแท่น 'ราชาสินทรัพย์ปลอดภัย' แซงหน้าเยน - ฟรังก์สวิส - พันธบัตรสหรัฐ

‘ทองคำ’ ผงาดเป็น ‘ราชาแห่งสินทรัพย์ปลอดภัย’ ด้วยราคาพุ่งขึ้น 30% แซงหน้าทั้งเยน ฟรังก์สวิส และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ โดยหัวใจสำคัญของทองคำ คือ ความมีมูลค่าในตัวเอง และเป็นกลางทางการเมือง
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี รายงานว่า “ทองคำ” กำลังครองตำแหน่ง “สินทรัพย์ปลอดภัย” ด้วยราคาซื้อขายทองคำที่พุ่งสูงขึ้น 30% ในปี 2025 นี้ ทำให้กำไรของทองคำ “แซงหน้า” สินทรัพย์ปลอดภัยแบบเดิมอื่น เช่น เงินเยนญี่ปุ่น ฟรังก์สวิส และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ผู้เชี่ยวชาญในตลาดที่รวมตัวกันในการประชุม Asia Pacific Precious Metals Conference ประจำปีเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เผยว่า หัวใจสำคัญที่ทำให้ทองคำน่าดึงดูดคือ การที่ทองคำปราศจากภาระผูกพันจากรัฐบาล
เพื่อดูผลการดำเนินงานของสินทรัพย์ปลอดภัยทั่วไปอื่นๆ ตั้งแต่ต้นปี “ดัชนีดอลลาร์” ได้อ่อนค่าลงเกือบ 10% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ขณะที่สกุลเงินปลอดภัย เช่น เงินเยนญี่ปุ่น และฟรังก์สวิส แข็งค่าขึ้นประมาณ 8% และ 10% เมื่อเทียบกับดอลลาร์
ส่วนผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ อายุ 10 ปี ลดลงประมาณ 19 จุดพื้นฐาน ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน ในตลาดพันธบัตร ผลตอบแทน และราคาจะเคลื่อนไหวสวนทางกัน นั่นหมายความว่า ผลตอบแทนที่ต่ำลง เท่ากับราคาที่สูงขึ้น
ในทางตรงกันข้าม ราคาทองคำ กลับปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นประวัติการณ์มานานหลายเดือน ราคาทองคำสปอตเพิ่มขึ้นประมาณ 30% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน และปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ 3,403.09 ดอลลาร์ หลังจากที่เคยพุ่งสูงสุดเกิน 3,500 ดอลลาร์ในเดือนเมษายน
ความต้องการทองคำ ถูกขับเคลื่อนด้วยบรรยากาศของความไม่มั่นคง และความไม่แน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง รวมถึงความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัยของสหรัฐที่ลดลง
เซ่าไข่ ฟาน หัวหน้าฝ่ายธนาคารกลางทั่วโลกของ World Gold Council กล่าวว่า “มีความไม่แน่ใจที่เพิ่มขึ้นว่า อนาคตของเงินดอลลาร์ และตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะเป็นอย่างไร และผมคิดว่าสิ่งนี้ได้จุดประกายความสนใจในสินทรัพย์ปลอดภัยอย่าง ‘ทองคำ’ มากขึ้น”
แม้ว่าเงินดอลลาร์ และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ จะเคยทำหน้าที่เป็นป้อมปราการแห่งความปลอดภัยทางการเงินมาโดยตลอด แต่ก็เริ่มมีรอยร้าวปรากฏให้เห็น
“พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ” เผชิญกับการเทขายอย่างหนักในเดือนเมษายน หลังจากการประกาศใช้มาตรการภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ การปรับลดอันดับเครดิตของสหรัฐโดยสถาบัน Moody's รวมถึงร่างกฎหมายลดภาษีคนอเมริกันครั้งใหญ่ของทรัมป์ ที่จะเพิ่มภาระทางการคลัง ถือเป็นการทำลายชื่อเสียงที่ยาวนานของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
ส่วน “เงินฟรังก์สวิส” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งสกุลเงินที่ถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย ได้แข็งค่าขึ้นมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ตั้งแต่ต้นปี
อย่างไรก็ตาม ฟาน กล่าวว่า ธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ อาจพยายามกีดกันการไหลเข้าของเงินทุนที่แสวงหาสินทรัพย์ปลอดภัย ซึ่งทำให้เงินฟรังก์สวิส มีความสามารถในการแข่งขันลดลง
บาร์ท เมเล็ก หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของ TD Securities กล่าวว่า “เงินฟรังก์สวิส ยังคงน่าดึงดูดมาก แต่ปัญหาคือ ถ้าตอนนี้สวิตเซอร์แลนด์มีอัตราดอกเบี้ยติดลบ และถ้าฉันซื้อฟรังก์ ฉันก็จะไม่ได้รับผลตอบแทนมากนัก”
ฟาน กล่าวว่า “เหตุผลที่ทองคำโดดเด่นกว่าสินทรัพย์อื่นๆ คือ เป็นตลาดที่มีสภาพคล่องสูง และยังเป็นกลางทางการเมืองด้วย ต่างจากสินทรัพย์อื่นๆ ทั้งหมดออกโดยเจ้าของรัฐบาล อีกทั้งปริมาณทองคำ ก็ถูกจำกัดด้วยข้อจำกัดทางธรรมชาติ และผมคิดว่า นั่นคือ สิ่งที่ทำให้ทองคำโดดเด่นในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ไม่เชื่อมโยงกับความเสี่ยงทางการเมืองใดๆ โดยเฉพาะ”
ด้านบาร์ท เมเล็ก มองว่า ทองคำไม่มีความเสี่ยงคู่สัญญา ซึ่งต่างจากพันธบัตรรัฐบาลหรือสกุลเงินตราตามกฎหมาย โดยทองคำมีมูลค่าในตัวเอง หมายความว่า ไม่จำเป็นต้องพึ่งพารัฐบาลหรือตัวแทนเอกชนในการปฏิบัติตามภาระผูกพันหนี้ เพื่อจ่ายดอกเบี้ย
เมื่อเร็วๆ นี้ ธนาคารกลางยุโรปรายงานว่า “ทองคำ” ได้แซงหน้า “สกุลเงินยูโร” ขึ้นมาเป็นสินทรัพย์สำรองที่ใหญ่เป็นอันดับสอง โดยคิดเป็นประมาณ 20% ของทุนสำรองทั่วโลก ณ สิ้นปี 2024
อ้างอิง: cnbc
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







