‘G7’ แถลงสนับสนุน ‘อิสราเอล’ ชี้ ‘อิหร่าน’ ต้นเหตุความไม่มั่นคงในตะวันออกกลาง

กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก หรือกลุ่ม G7 แถลงสนับสนุนอิสราเอล และกล่าวหาคู่แข่งอิหร่านว่า เป็นผู้สร้างความไม่มั่นคงในตะวันออกกลาง พร้อมเรียกร้องให้ลดระดับความรุนแรงของการสู้รบในภูมิภาค
แถลงของผู้นำกลุ่มประเทศ G7 ระบุ “พวกเราขอยืนยันว่า อิสราเอลมีสิทธิในการปกป้องตนเอง และขอย้ำเราจะสนับสนุนความมั่นคงของอิสราเอล” แถลงดังกล่าวเสริมอีกว่า “อิหร่านเป็นต้นเหตุของความไม่มั่นคงและการก่อการร้ายในภูมิภาค” และระบุด้วยว่า “G7 ชี้ชัดเจนว่าอิหร่านไม่สามารถมีอาวุธนิวเคลียร์ได้”
นอกจากนี้ในแถลงการของ G7 ระบุด้วยว่า “เราขอเรียกร้องให้แก้ไขวิกฤติในอิหร่านเพื่อลดระดับความรุนแรงของการสู้รบในตะวันออกกลาง รวมถึงการหยุดยิงในกาซา” แถลงการณ์เสริมอีกว่า กลุ่ม G7 พร้อมที่จะประสานงานเพื่อรักษาเสถียรภาพในตลาดพลังงาน
สงครามทางอากาศ ระหว่างอิหร่านและอิสราเอล ซึ่งเริ่มต้นเมื่อวันศุกร์ (13 มิ.ย.) เมื่ออิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศต่ออิหร่าน ทำให้เกิดความกังวลมากขึ้นในภูมิภาคที่อยู่ในภาวะตึงเครียดมาตั้งแต่อิสราเอลเริ่มบุกโจมตีในกาซาในเดือน ต.ค. ปี 2566
อิสราเอลเรียกการโจมตีอิหร่านเมื่อวันศุกร์ว่า เป็นการโจมตีเชิงรุกเพื่อป้องกันไม่ให้เตหะรานพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ หลังจากนั้นสองคู่อริในตะวันออกกลางก็โหมกระหน่ำโจมตีฝ่ายตรงข้าม ซึ่งทางการอิหร่านเผยว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 220 ราย ส่วนใหญ่เป็นพลเรือน ขณะที่อิสราเอลมีผู้ประชาชนเสียชีวิต 24 ราย
ล่าสุด อิสราเอลโจมตีสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลอิหร่านในวันจันทร์ (16 มิ.ย.) ด้านปธน.ทรัมป์โพสต์ในโซเชียลให้ทุกคนอพยพออกจากเตหะรานทันที
ที่ผ่านมา อิหร่านปฏิเสธความพยายามสร้างอาวุธนิวเคลียร์ และว่าตนมีสิทธิในการพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์เพื่อจุดประสงค์ที่สันติเท่านั้น รวมถึงการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมด้วย ซึ่งยังคงถือเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ (NPT)
ส่วนอิสราเอล ประเทศที่ไม่ได้เข้าร่วมสนธิสัญญา (NPT) เป็นเพียงประเทศเดียวในตะวันออกกลางที่คาดว่ามีอาวุธนิวเคลียร์ครอบครองอยู่ แต่อิสราเอลก็ไม่ได้ออกมาปฏิเสธหรือยืนยันเรื่องดังกล่าว
ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เดินทางออกจากการประชุมสุดยอด G7 ในแคนาดาก่อนกำหนด เพื่อกลับไปยังกรุงวอชิงตันเกี่ยวเนื่องจากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง
สหรัฐยืนยันมาตลอดมาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการโจมตีอิหร่านขงอิสราเอล แต่ทรัมป์กล่าวไว้เมื่อวันศุกร์ว่า สหรัฐทราบเกี่ยวกับการโจมตีของอิสราเอลมาก่อน และเรียกการโจมตีดังกล่าวว่า “ดีเยี่ยม” ขณะเดียวกันวอชิงตันก็เตือนเตหะรานด้วยว่าไม่ให้โจมตีผลประโยชน์ของสหรัฐ หรือบุคคลของสหรัฐในภูมิภาคตะวันออกกลาง
ในอีกรายงานหนึ่งระบุว่า มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ได้หารือสงครามอิสราเอล-อิหร่านทางโทรศัพท์กับรัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ ฝรั่งเศส และสหภาพยุโรป (อียู) ในวันจันทร์ด้วย ขณะที่วอชิงตันเผยว่าทรัมป์ยังคงต้องการทำข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน
อ้างอิง: Reuters







