'ญี่ปุ่น-สหรัฐ' ไร้ดีลการค้าในประชุม G7 ประเทศใน 'เอเชีย' เสี่ยงวืดตาม ?

'ญี่ปุ่น-สหรัฐ' ไร้ดีลการค้าในประชุม G7 ประเทศใน 'เอเชีย' เสี่ยงวืดตาม ?

“สหรัฐ-ญี่ปุ่น” ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากันได้ในการประชุม G7 ด้าน “นายกฯ อิชิบะ” ชี้ มีบางประเด็นที่ทั้งสองประเทศเห็นไม่ตรงกัน “กูรู” มอง ทำประเทศในเอเชียหวั่นว่าจะไม่สามารถบรรลุดีลได้เช่นกัน

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานวันนี้ (17 มิ.ย.) ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐและนายกรัฐมนตรี ชิเงรุ อิชิบะ ของญี่ปุ่นไม่สามารถเจรจาข้อตกลงทางการค้าได้สำเร็จระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำประเทศร่ำรวย 7 ประเทศ หรือ G7 ซึ่งข้อเท็จจริงนี้ทำให้เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศในเอเชียมีความเสี่ยงเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้นจากผลกระทบของภาษีศุลกากรของสหรัฐ

นายกฯ อิชิบะ กล่าวในการแถลงข่าวคืนวันจันทร์ที่ผ่านมาในเมืองคัลแกรี่ว่า “ยังมีบางประเด็นที่ทั้งสหรัฐและญี่ปุ่นเห็นไม่ตรงกันดังนั้นเราเลยยังไม่สรุปเป็นข้อตกลงร่วมกัน”

บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า การไม่สามารถบรรลุข้อตกลงอย่างเป็นรูปธรรมในครั้งนี้ได้ทำให้เกิดคำถามถึงความเหมาะสมของ “นายอิชิบะ” และคณะในฐานะผู้นำประเทศสำหรับช่วงเวลาสำคัญของการเมืองญี่ปุ่นอย่างการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาฯ ของประเทศในเดือนหน้า 
 

ก่อนหน้านี้ นายกฯ อิชิบะ มักอ้างว่า การประชุมจีเจ็ดในครั้งนี้จะเป็น “หมุดหมาย” สำคัญในการเจรจาเรื่องภาษีกับทรัมป์ซึ่งดำเนินมากว่า 2 เดือนแล้วทว่าการไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ก็สร้างคำถามอย่างที่กล่าวไป 

ทั้งนี้ หากสุดท้ายนายกฯ อิชิบะ ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับสหรัฐได้ ชิ้นส่วนยานยนต์ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะโดนภาษีนำเข้าไปยังสหรัฐสูงถึง 25% ซึ่งในอนาคตก็จะกระทบต่อคะแนนนิยมของเขาและพรรคอย่างแน่นอน

“ญี่ปุ่นจะทำงานร่วมกับสหรัฐแบบเชิงรุกเพื่อบรรลุข้อตกลงทางการค้าสำหรับทั้งสองประเทศโดยไม่ให้ต้องเสียผลประโยชน์แห่งชาติของญี่ปุ่น” เขากล่าว พร้อมอธิบายเสริมว่า ไม่สามารถบอกได้ว่าจะบรรลุข้อตกลงเมื่อไรและการเจรจาจะดำเนินต่อไปในระดับรัฐมนตรี

ญี่ปุ่นโดนภาษีทรัมป์ 'อ่วม'

ปัจจุบันสหรัฐขึ้นภาษีศุลกากรสำหรับนำเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ต่อญี่ปุ่น 25% ภาษีศุลกากรต่อเหล็กและอลูมิเนียม 50% รวมไปถึงภาษีศุลกากรแบบพื้นฐาน 10% ที่เตรียมปรับตัวขึ้นเป็น 24% ในช่วงต้นเดือนก.ค. ที่จะถึงนี้ ดังนั้นเมื่อบลูมเบิร์กถามนายกฯ อิชิบะว่า “เส้นตาย” การผ่อนปรนภาษีศุลกากรของสหรัฐจะยืดออกไปหรือไม่ นายกฯ อิชิบะ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็น 
 

ชิ้นส่วนยานยนต์ 'หัวใจ' เศรษฐกิจญี่ปุ่น

นักวิเคราะห์และกลุ่มผู้ออกนโยบายจำนวนหนึ่งต่างจับจ้องไปที่ภาษีต่อชิ้นส่วนยานยนต์ของญี่ปุ่นหลังจากที่ทรัมป์กล่าวว่าอาจปรับขึ้นภาษีสินค้าดังกล่าวเพิ่มอีก และที่สำคัญอุตสาหกรรมยานยนต์เป็น “เครื่องจักรสำคัญ” ทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นดังนั้นหากสหรัฐขึ้นภาษีศุลกากรก็จะทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจญี่ปุ่นสะดุดอย่างแน่นอน 

ปัจจุบัน ข้อมูลจากบลูมเบิร์ก เผยว่า ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์มีการจ้างงานกว่า 5.6 ล้านคนซึ่งคิดเป็นกว่า 8.3% ของแรงงานทั้งหมดในประเทศ และสร้างเม็ดเงินให้เศรษฐกิจกว่า 10% ของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี)

บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เปิดเผยว่า ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น Toyota Motor Corp., Honda Motor Co., Mazda Motor Corp. และ Subaru Corp. กำลังเตรียมพร้อมรับมือความเสียหายจากภาษีทรัมป์ที่อาจกระทบเศรษฐกิจญี่ปุ่นมากถึง 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณปัจจุบัน

“สำหรับญี่ปุ่น อุตสาหกรรมยานยนต์คือหัวใจสำคัญของผลประโยชน์ประเทศ เราจะทำทุกวิถีทางในการปกป้องผลประโยชน์ดังกล่าว” อิชิบะ กล่าวต่อผู้สื่อข่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์ ณ จีเจ็ด

'ภาษีทรัมป์' กระทบทั้งซัพพลายเชนอุตฯ ยานยนต์

ทั้งนี้ ความเสียหายในอุตสาหกรรมยานยนต์จากภาษีทรัมป์อาจขยายออกไปสู่ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เป็นซัพพลายของกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์ในญี่ปุ่นอีกทอดหนึ่ง ปัจจุบันกว่าสองในสามของแรงงานในญี่ปุ่นทำงานอยู่ในบริษัทที่มีพนักงานต่ำกว่า 1,000 คน นั้นหมายความว่า หากอุตสาหกรรมยานยนต์ได้รับผลกระทบ กลุ่มเอสเอ็มอีก็จะได้รับผลกระทบตามไปด้วย ซึ่งจะกระทบต่อกลุ่มพนักงงานในบริษัทเหล่านี้เช่นเดียวกัน 

'ญี่ปุ่น-สหรัฐ' วืดดีล แม้เป็นผู้ปล่อยกู้รายใหญ่

ย้อนกลับไปที่การประชุมจีเจ็ด ก่อนการประชุม สื่อท้องถิ่นญี่ปุ่นจำนวนมากรายงานถึงความร่วมมือทางการค้าระหว่างสหรัฐและญี่ปุ่นที่อาจเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการนำเข้าถั่วเหลือไปจนถึงความร่วมมือในการต่อเรือ

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังพยายามให้เหตุผลกับสหรัฐ โดยอ้างถึงฐานะของตัวเองในการเป็นผู้ให้กู้อันดับหนึ่งของสหรัฐเพื่อเป็นเครื่องมือในการสร้างแต้มต่อ พร้อมอธิบายว่าการขึ้นภาษีศุลกากรใส่อุตสาหกรรมในญี่ปุ่นอาจกระทบความสามารถของญี่ปุ่นในการลงทุนในสหรัฐจากเศรษฐกิจในประเทศที่อาจได้รับผลกระทบ

ปัจจุบัน ตัวเลขการลงทุนโดยตรงจากญี่ปุ่นในสหรัฐอยู่ที่ 7.83 แสนล้านดอลลาร์ ณ สิ้นสุดปี 2023 และก่อนหน้านี้ นายกฯ อิชิบะ ยังกล่าวในช่วงเดือนก.พ.อีกว่าจะเพิ่มการลงทุนในสหรัฐขึ้นอีกให้แตะระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ดี การที่ทั้งญี่ปุ่นและสหรัฐไม่สามารถบรรลุข้อตกลงร่วมกันได้มีผลโดยตรงต่อความรู้สึกของอีกหลายประเทศในเอเชียที่อยู่ในช่วงเข้าแถลงเจรจากับสหรัฐเช่นเดียวกัน โดยนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่า ขนาดญี่ปุ่นซึ่งเป็นทั้งพันธมิตรที่ดีและผู้ปล่อยกู้ให้สหรัฐยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ แล้วประเทศอื่นๆ ในเอเชียจะมีชะตากรรมอย่างไร ซึ่งหากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ก็มีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจในเอเชียอาจเข้าสู่สภาวะเศรษฐกิจถดถอย หรือ Recession ได้เช่นเดียวกัน