ยอดค้าปลีก ‘จีน’ พุ่งเกินคาด 6.4% สะท้อนเศรษฐกิจฟื้นตัว แม้ภาษีทรัมป์กดดัน

ยอดค้าปลีก ‘จีน’ พุ่งเกินคาด 6.4%  สะท้อนเศรษฐกิจฟื้นตัว แม้ภาษีทรัมป์กดดัน

ยอดค้าปลีก ‘จีน’ พ.ค.พุ่ง 6.4% สูงสุดในรอบ 2 ปี สะท้อนมาตรการกระตุ้นขอฃรัฐบาลได้ผล หนุนเศรษฐกิจฟื้นตัว แม้ภาษีทรัมป์กดดัน แต่อสังหาฯยังน่าห่วง หลังราคาบ้านใหม่ดิ่งต่ำสุดรอบ 7 เดือน

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานยอดค้าปลีกของ “จีน” ในเดือนพ.ค.เติบโตเกินคาดโดยเพิ่มขึ้นถึง 6.4% ซึ่งเป็นอัตราที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2567 และสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ทั้งหมด ตัวเลขนี้ช่วยหนุนความเชื่อมั่นของรัฐบาลจีน ในขณะที่ต้องรับมือกับความเสี่ยงจากสงครามการค้าที่ยืดเยื้อกับสหรัฐ 

ยอดค้าปลีก ‘จีน’ พุ่งเกินคาด 6.4%  สะท้อนเศรษฐกิจฟื้นตัว แม้ภาษีทรัมป์กดดัน

ทั้งนี้ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอตัวลงเล็กน้อย โดยเพิ่มขึ้น 5.8% ซึ่งน้อยกว่าเดือนก่อนหน้า แต่การฟื้นตัวของยอดค้าปลีกก็บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจจีนกำลังปรับตัวและฟื้นตัวจากผลกระทบของภาษีนำเข้าที่ ”โดนัลด์ ทรัมป์” เรียกเก็บ  และสามารถรับมือกับความวุ่นวายที่เกิดจากสงครามการค้าได้ดี

รัฐบาลหนุนกำลังซื้อ ดันยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้า-มือถือพุ่ง

หนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยกระตุ้นยอดขายปลีกของจีนคือ มาตรการอุดหนุนการซื้อสินค้าของผู้บริโภคจากภาครัฐโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุม เช่น ยอดขายเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน พุ่งสูงขึ้นถึง 53% ในเดือนพฤษภาคม เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งนับเป็นอัตราการเติบโตที่เร็วที่สุดเท่าที่มีการบันทึกไว้ รวมทั้งยอดขายโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์สื่อสารอื่นๆ ก็เติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 33% เช่นกัน

รวมทั้งเทศกาลช้อปปิ้งประจำปี 618 ที่เริ่มต้นเร็วกว่าปกติ โดยแพลตฟอร์มออนไลน์ยักษ์ใหญ่อย่าง JD.com เริ่มจัดโปรโมชันตั้งแต่กลางเดือนพ.ค.ปีนี้ แทนที่จะเป็นช่วงปลายเดือนเหมือนปี 2567

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน ได้ออกแถลงการณ์พร้อมกับข้อมูลที่เผยแพร่ โดยระบุว่า ความพยายามในการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและส่งเสริมการพัฒนานั้นประสบความสำเร็จ" อย่างไรก็ตาม สำนักงานฯ ได้เน้นย้ำเพิ่มเติมว่า "ยังคงมีความไม่แน่นอนภายนอกและยังมีความจำเป็นที่จะต้องเสริมสร้างอุปสงค์ในประเทศ" ซึ่งหมายความว่าแม้จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็ยังคงต้องจับตาสถานการณ์ภายนอกประเทศและเร่งเสริมสร้างกำลังซื้อภายในประเทศต่อไป

ยอดขายปลีกอาจไม่ยั่งยืน เหตุตลาด ‘อสังหาฯ’ ยังน่าห่วง

มิเชลล์ แลม นักเศรษฐศาสตร์ประจำจีนแผ่นดินใหญ่จาก Societe Generale SA อธิบายว่า "ยอดขายปลีกของจีนขยายตัวอย่างรวดเร็วในเดือนพ.ค.โดยได้รับแรงหนุนจาก วันหยุดวันแรงงาน เงินอุดหนุนการบริโภค และเทศกาลช้อปปิ้ง 618 ที่เริ่มต้นเร็วขึ้น"

ยอดค้าปลีก ‘จีน’ พุ่งเกินคาด 6.4%  สะท้อนเศรษฐกิจฟื้นตัว แม้ภาษีทรัมป์กดดัน

อย่างไรก็ตาม แลมยังไม่มั่นใจว่าการเติบโตในอัตรานี้จะยั่งยืนหรือไม่ โดยให้เหตุผลว่า "ข้อมูลราคาบ้านที่อ่อนแอในเช้านี้" และ "ผลกระทบที่ลดลงของการอุดหนุนโดยไม่มีการขยายหรือปรับเปลี่ยนใด ๆ" อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้การเติบโตชะลอตัวลงในอนาคต

ราคาบ้านใหม่ในจีนปรับตัวลดลงมากที่สุดในรอบ 7 เดือน ซึ่งเป็นเครื่องย้ำเตือนถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องเร่งฟื้นฟูตลาดอสังหาริมทรัพย์

จากข้อมูลที่สำนักงานสถิติแห่งชาติเปิดเผยเมื่อวันจันทร์ ราคาบ้านใหม่ใน 70 เมือง (ไม่รวมที่อยู่อาศัยที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ) ลดลง 0.22% จากเดือนเมษายนที่ลดลง 0.12% นอกจากนี้ มูลค่าบ้านมือสองยังลดลงถึง 0.5% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบ 8 เดือน

ตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า ผลกระทบจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วเริ่มจางหายไปการสงบศึกเรื่องภาษีศุลกากรกับสหรัฐ ก็ไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจีนมากนัก เนื่องจากราคาบ้านที่ตกต่ำส่งผลกระทบต่อทั้งกำไรของบริษัทและรายได้ของพนักงาน ทำให้ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยลดลงอย่างต่อเนื่อง  

ในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันศุกร์ที่ 13 มิ.ย. นายกรัฐมนตรี “หลี่ เฉียง” ได้ให้คำมั่นว่าจะดำเนินการเพื่อทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ "หยุดตกต่ำ" ตามรายงานของสถานีโทรทัศน์ CCTV ของทางการจีน