ผู้บริหารค้าปลีก 'ส่วนใหญ่' มอง ทรัมป์จะ 'ถอยภาษี' คาดที่ 10% หลังเจรจาเสร็จ

ผู้บริหารค้าปลีก 'ส่วนใหญ่' มอง ทรัมป์จะ 'ถอยภาษี' คาดที่ 10% หลังเจรจาเสร็จ

ผู้บริหารค้าปลีกเริ่ม ‘มองบวก’ ต่อท่าทีภาษีตอบโต้ของทรัมป์ หลังมีสัญญาณเจรจาคืบหน้า ส่วนใหญ่คาด ‘ภาษีนำเข้าจะอยู่ที่ระดับ 10%’ หลังการเจรจาเสร็จสิ้น แทนที่จะกลับไปใช้อัตราที่สูงกว่ามากเมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า “ผู้บริหารในแวดวงค้าปลีก” เริ่มมีท่าที “เชิงบวก” มากขึ้นต่อแนวทาง ภาษีตอบโต้ ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังสถานการณ์การค้าเริ่มชัดเจนขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงนโยบาย การเจรจาข้อตกลงเบื้องต้น และความคืบหน้าของกระบวนการทางกฎหมาย ตามผลสำรวจล่าสุดจากบริษัทที่ปรึกษา AlixPartners

การสำรวจซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน โดยสอบถามผู้บริหารจากแบรนด์ ผู้ค้าปลีก และบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคหลายแห่ง พบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่คาดว่า ทรัมป์จะ “ลด” หรือ “ยกเลิก” การเก็บ ภาษีนำเข้า ในอัตราสูงกับ สหภาพยุโรป เวียดนาม อินเดีย และ เม็กซิโก หลังช่วงพักการบังคับใช้ภาษี 90 วันสิ้นสุดลงในเดือนกรกฎาคม

แม้ “เม็กซิโก” จะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศที่ถูกเก็บภาษีตอบโต้โดยตรง แต่ก็ได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าชุดใหม่ของรัฐบาล ซึ่งผู้บริหารส่วนใหญ่เชื่อว่าจะยังคงมีผลต่อเนื่อง

สินค้านำเข้าจากประเทศเหล่านั้น รวมถึงจากอีกหลายสิบประเทศ กำลังถูกเก็บภาษีในอัตรา 10% ขณะที่รัฐบาลทรัมป์พยายามเจรจาข้อตกลงการค้าแบบรายประเทศ โดยผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่คาดว่า ภาษี 10% นี้จะยังคงอยู่หลังจากการเจรจาเสร็จสิ้น แทนที่จะกลับไปใช้อัตราที่สูงกว่ามากซึ่งถูกบังคับใช้เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา

ตัวอย่างเช่น ผู้บริหารในแวดวงค้าปลีก 53% คาดว่า ภาษีนำเข้าสินค้าจาก “เวียดนาม” จะยังคงอยู่ที่อัตรา 10% หลังสิ้นสุดช่วงพักการบังคับใช้ แทนที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 46% ตามแผนภาษีตอบโต้ ที่หลายฝ่ายกังวล ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อบริษัทอย่าง Nike ที่พึ่งพาการผลิตจากเวียดนามเป็นสัดส่วนมาก

สำหรับเวียดนาม กลายเป็นฐานการผลิตสำคัญแห่งใหม่สำหรับผู้ค้าปลีกจำนวนมาก หลังจากหลายบริษัทพยายามลดการพึ่งพาจีน ทำให้การเจรจาการค้าระหว่างเวียดนามกับรัฐบาลสหรัฐ ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ถูกจับตาอย่างใกล้ชิด และเป็นประเด็นที่สร้างความกังวลให้กับผู้บริหารจำนวนไม่น้อย ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

โซเนีย ลาพินสกี หุ้นส่วนและกรรมการผู้จัดการของบริษัทที่ปรึกษา AlixPartners เปิดเผยว่า หลังจากประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศใช้ภาษีตอบโต้ในอัตราสูง ก่อนจะลดระดับลงในเวลาต่อมา ผู้บริหารหลายรายยังคงวิตกว่า ภาษีดังกล่าวอาจถูกปรับเพิ่มเกิน 10% 

อย่างไรก็ตาม เมื่อใกล้เข้าสู่เดือนมิถุนายน บรรยากาศเริ่มเปลี่ยนไป ตามผลสำรวจล่าสุด ปัจจัยหนึ่งคือ สหรัฐและจีน ได้กลับมาเปิดโต๊ะเจรจากันอีกครั้ง ขณะที่ไม่กี่วันก่อนการสำรวจจะจัดขึ้น ศาลการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐก็มีคำวินิจฉัยว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ไม่มีอำนาจตามกฎหมายในการเรียกเก็บภาษีนำเข้าที่ประกาศเมื่อวันที่ 2 เมษายน 

แม้ว่าคำตัดสินดังกล่าวจะยังไม่สิ้นสุด และอยู่ระหว่างการอุทธรณ์โดยฝ่ายบริหารของทรัมป์ แต่ความเคลื่อนไหวเหล่านี้ ทำให้ผู้ค้าปลีกมองเห็นสัญญาณว่า อาจมีการยกเลิกภาษีเหล่านี้โดยสิ้นเชิง

“ทรัมป์แสดงให้เห็นว่า เขาต้องการเจรจาข้อตกลง และต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการผลักดันให้เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น หากย้อนกลับไปดู แม้แต่การนัดประชุมกัน ก็เป็นเรื่องยากสำหรับทั้งสองฝ่าย แต่สุดท้ายก็สามารถเดินหน้าได้” ลาพินสกีกล่าว

“ฉันคิดว่า การที่ก่อนหน้านี้มีแรงต้านบางส่วนเกี่ยวกับการปล่อยให้ภาษีเดินหน้าต่อ แต่ภายหลังก็ถูกถอนกลับไป นั่นอาจทำให้บางคนรู้สึกมั่นใจมากขึ้นว่า แนวโน้มแบบนั้นอาจเกิดขึ้นอีกได้”

แม้ว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่จะคาดว่า ภาษีนำเข้า อัตรา 10% จะยังคงอยู่ในหลายภูมิภาคนอกเหนือจากจีน บริษัทที่รับผิดชอบด้านนี้ก็ได้วางแผนรับมือไว้ทั้งสองกรณีแล้ว ลาพินสกีกล่าว

ตัวอย่างเช่น 46% ของผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่า ภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียจะยังคงอยู่ที่ 10% แทนที่จะเป็นอัตราภาษีที่เสนอไว้ที่ 26% ขณะเดียวกัน 29% ของผู้ตอบแบบสอบถามก็วางแผนเตรียมรับมือกับทั้งสองสถานการณ์ คือทั้งภาษีคงเดิมและภาษีที่อาจเพิ่มขึ้น
 

 

อ้างอิง: cnbc