ภาษีทรัมป์ฉุด LG จ่อลดการผลิตใน 'เวียดนาม' เบนเข็มไปสหรัฐแทน

LG ยักษ์อิเล็กทรอนิกส์เกาหลีใต้ จ่อลดกำลังการผลิตในเวียดนาม หันไปขยายโรงงานในสหรัฐแทน หลังภาษีทรัมป์พ่นพิษหนัก และสร้างความไม่แน่นอนยาว
สำนักข่าวนิกเคอิเอเชียรายงานวันนี้ (12 มิ.ย.68) ว่า บริษัท "แอลจี อิเล็กทรอนิกส์" (LG Electronics) ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่จากเกาหลีใต้ กำลังพิจารณาจะลดกำลังการผลิตในประเทศเวียดนามลง และหันไปขยายโรงงานเพิ่มในประเทศสหรัฐแทน โดยเป็นการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับนโยบายภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
การปรับแผนครั้งนี้มีขึ้นเพื่อพยายามจำกัดผลกระทบของสงครามการค้าที่มีต่อ LG ในตลาดสหรัฐ ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของเครื่องใช้ไฟฟ้ารายนี้รองจากเกาหลีใต้เท่านั้น ท่ามกลางต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นจนกดดันการทำกำไร
รายงานระบุว่า LG มีแผนจะทุ่มงบประมาณราว 100 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,250 ล้านบาท) เพื่อสร้างอาคารแห่งที่ 2 สำหรับผลิตเครื่องซักผ้า และเครื่องอบผ้า ในโรงงานที่รัฐเทสเนสซี สหรัฐ ซึ่งเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของ LG ในภาคพื้นอเมริกาเหนือ แม้ว่าทางบริษัทจะเรียกแผนการลงทุนดังกล่าวว่า เป็นการขยายคลังสินค้า แต่สื่อท้องถิ่นรายงานว่าทางบริษัทอาจเปลี่ยนไปเป็นโรงงานผลิตเพื่อเพิ่มศักยภาพการผลิตในสหรัฐแทน
วิลเลียม โช ซีอีโอของ LG กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีระบบการผลิตแบบครบวงจรในสหรัฐ ตั้งแต่ชิ้นส่วนไปจนถึงผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป และเชื่อว่าจะสามารถผลิตสินค้าที่ได้รับการยกเว้นภาษีได้มากขึ้น โดยเตรียมจะผลิตสินค้าอื่นๆ เช่น ตู้เย็น และเตาอบ ด้วย
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะเพิ่มกำลังการผลิตใน "เม็กซิโก" ซึ่งรอดจากภาษีศุลกากรตอบโต้ของประธานาธิบดีทรัมป์ในวันปลดแอกสหรัฐ 2 เม.ย.68 ที่ผ่านมา
การหันไปเพิ่มกำลังการผลิตในภาคพื้นอเมริกาเหนือแทนยังหมายความว่า LG ตั้งใจที่จะ "ลดการพึ่งพาฐานการผลิตเดิมอย่างเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" โดยเฉพาะประเทศ "เวียดนาม" ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่ถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีตอบโต้สูงที่สุดในอัตรา 46%
บริษัทจะปรับลดอัตราการใช้ทรัพยากรของไลน์การผลิตตู้เย็นลง ในโรงงานผลิตที่เมืองไฮฟอง ทางตอนเหนือของเวียดนาม นอกจากนี้ ยังดูเหมือนว่าบริษัทมีแผนที่จะ "ยกเลิกแผนขยายกำลังการผลิต" เครื่องใช้ไฟฟ้าในเวียดนาม และอินโดนีเซียลงด้วย โดยอินโดนีเซียถูกสหรัฐเรียกเก็บภาษีที่ 32%
"เรากำลังติดตามความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐอย่างใกล้ชิด” คิม ชางแท ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน (ซีเอฟโอ) กล่าวระหว่างการรายงานผลประกอบการของ LG เมื่อเดือนเมษายน และกล่าวว่า บริษัทกำลังพัฒนากลยุทธ์ในด้านการผลิต และด้านอื่นๆ "เพื่อให้มีความคล่องตัวในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงใดๆ"
ทั้งนี้ รายได้หลักของ LG มาจากผลิตภัณฑ์หลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ทีวี และแบตเตอรี่รถยนต์ โดยตลาดอเมริกาเหนือคิดเป็นสัดส่วน 26% ของยอดขายทั้งหมดในปี 2024 ตามหลังเพียงเกาหลีใต้ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในสัดส่วน 41%
ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทมีการปรับแผนการผลิตอย่างรวดเร็วแล้วเพื่อให้ยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ และความเปลี่ยนแปลงมากขึ้น แต่ก็ยังคงเสี่ยงต่อการทำกำไรที่ลดลงอยู่ โดยเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.68 สหรัฐได้ปรับเพิ่มภาษีนำเข้าเหล็ก และอะลูมิเนียมสองเท่าเป็น 50% ทำให้บริษัทได้รับผลกระทบต้นทุนที่สูงขึ้น เนื่องจาก LG ใช้เหล็ก และวัตถุดิบส่วนใหญ่นำเข้าจากเกาหลีใต้ และประเทศอื่นๆ แม้จะหันมาผลิตในอเมริกาเหนือแล้วก็ตาม
ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นนี้เองส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของ LG ในไตรมาสแรกปีนี้ โดยบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้น 7.8% เป็น 22.74 ล้านล้านวอน (ราว 5.45 แสนล้านบาท) แต่กำไรจากการดำเนินงานลดลง 5.7% เป็น 1.26 ล้านล้านวอน (ราว 3 หมื่นล้านบาท) เนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์ และวัตถุดิบที่สูงขึ้น
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์