‘ทองคำ’ ขึ้นสู่สินทรัพย์สำรองที่ 2 ของโลก แต่สัญญาณชี้ อาจใกล้ ‘จุดอิ่มตัว’ ?

‘ทองคำ’ ผงาดขึ้นเป็น ‘สินทรัพย์สำรองอันดับ 2 ของโลก’ ด้วยความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณบางอย่างบ่งชี้ว่า การเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลางอาจชะลอตัวลงในอนาคตอันใกล้
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า “ความต้องการทองคำ” ที่เพิ่มขึ้นของ “ธนาคารกลาง” ทำให้โลหะมีค่าชนิดนี้กลายเป็น “สินทรัพย์สำรองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก” ในปี 2024 ตามรายงานของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่เผยแพร่เมื่อวันพุธ แต่นักวิเคราะห์บางส่วนชี้ว่า อาจใกล้ถึงจุดอิ่มตัวแล้ว
ในปี 2023 “ทองคำ” และ “เงินยูโร” มีสัดส่วนใกล้เคียงกันที่ประมาณ 16.5% โดยเฉลี่ยของทุนสำรองทางการทั่วโลก อ้างอิงจากการคำนวณของสำนักข่าว CNBC จากข้อมูลของ ECB
แต่ในปี 2024 สัดส่วนนี้ได้เปลี่ยนไป โดยเงินยูโรอยู่ที่ 16% และทองคำอยู่ที่ 19% ขณะที่ดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็น 47%
ทั้งนี้ ธนาคารกลาง สะสมสินทรัพย์สภาพคล่อง เช่น เงินตราต่างประเทศและทองคำ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ และกระจายการถือครองสินทรัพย์ อีกทั้งยังช่วยให้พวกเขาสามารถขายทุนสำรองเหล่านี้ เพื่อสนับสนุนสกุลเงินของตนเองในช่วงวิกฤติ
สำหรับ “ทองคำ” ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่มอบทั้งคุณค่าระยะยาวและความยืดหยุ่นในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน ในปัจจุบัน ธนาคารกลางทั่วโลกได้เพิ่มสัดส่วนการถือครองทองคำอย่างเห็นได้ชัด โดยคิดเป็นสัดส่วนกว่า 20% ของอุปสงค์ทองคำทั่วโลก ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมากจากประมาณหนึ่งในสิบในช่วงทศวรรษ 2010
ECB ระบุข้อมูลจากการสำรวจพบว่า ทองคำกำลังเป็นที่น่าสนใจมากขึ้นสำหรับประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา ที่กังวลเกี่ยวกับการคว่ำบาตรและศักยภาพในการด้อยค่าของบทบาทสกุลเงินหลักในการเงินระหว่างประเทศ
จุดเปลี่ยนของโลหะมีค่านี้ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัสเซียบุกยูเครนเต็มรูปแบบในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ซึ่งเมื่อรวมกับภาวะเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น และความคาดหวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ได้กระตุ้นแห่กันไปหา “สินทรัพย์ปลอดภัย” อย่าง ทองคำ ซึ่งความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่นั้นมา
“จีน” เป็นผู้ขับเคลื่อนหลักของการพุ่งขึ้นของราคาทองคำ โดยมีอินเดีย และตุรกี เป็นหนึ่งในผู้ซื้อรายใหญ่รายอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณบ่งชี้ว่า การเข้าซื้อทองคำของธนาคารกลาง “อาจชะลอตัวลง” ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
อัตราการซื้อทองคำของธนาคารกลางลดลง 33% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าในช่วง 3 เดือนแรกของปี ตามข้อมูลจาก World Gold Council ที่วิเคราะห์โดยธนาคาร ING ในขณะที่การซื้อของจีนชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด
ฮาหมัด ฮุสเซน นักเศรษฐศาสตร์ด้านสภาพอากาศและสินค้าโภคภัณฑ์จาก Capital Economics ให้ความเห็นว่า “สถาบันเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันราคาทองคำ และน่าจะยังคงซื้อทองคำต่อไป ถึงแม้ว่าจะช้าลงกว่าช่วงสองสามปีที่ผ่านมาก็ตาม”
“เมื่อพิจารณาจากราคาทองคำที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โมเมนตัมของการซื้อทองคำอาจชะลอตัวลง แต่ ‘ในระยะยาว’ สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่แน่นอน และความต้องการในการกระจายความเสี่ยงจะยังคงสนับสนุนการสะสมทองคำในฐานะทุนสำรองต่อไป” เจเน็ต มุย หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ตลาดของ RBC Brewin Dolphin กล่าว
อ้างอิง: cnbc







