มองอนาคตหุ้น Tesla ทุกอย่างอยู่ที่ 'อีลอน มัสก์' ไม่ใช่ธุรกิจ

การถือหุ้น Tesla ตลอดช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาแทบไม่ต่างอะไรกับการนั่ง "รถไฟเหาะ" ที่ขึ้นๆ ลงๆ แบบ "ขึ้นสุด-ลงสุด" นักวิเคราะห์มองอนาคตหุ้น ชี้โอกาสยังมีสูง แต่ความเสี่ยงอาจสูงกว่า เพราะทุกอย่างผูกติดขึ้นอยู่กับตัว 'อีลอน มัสก์'
การถือหุ้นบริษัทรถยนต์ไฟฟ้า "เทสลา" (Tesla) ตลอดช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาแทบไม่ต่างอะไรกับการนั่ง "รถไฟเหาะ" ที่ขึ้นๆ ลงๆ แบบ "ขึ้นสุด-ลงสุด"
นับตั้งแต่ที่มัสก์ประกาศสนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ช่วงหาเสียงเลือกตั้งกลางเดือนกรกฎาคม 2567 ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรงถึง 169% จนถึงช่วงกลางเดือนธันวาคม โดยขึ้นไปทำสถิติสูงสุดตลอดการ All-time high ที่ 479.88 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2567
แต่หลังจากนั้นมา ราคาหุ้นกลับร่วงลงหนักถึง 54% ถึงช่วงต้นเดือนเมษายน เนื่องจากการประท้วงต่อต้านเทสลาในแคมเปญ "Tesla Takedown" ทวีความรุนแรงขึ้น การเป็นที่ปรึกษาของทรัมป์และเป็นหัวหน้า DOGE ที่ตัดลดงบประมาณและ "เลิกจ้าง" ข้าราชการการ-พนักงานของรัฐเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้ซื้อรถบางส่วนเปลี่ยนใจ ยอดขายเทสลาตกต่ำลงทั้งในในยุโรป จีน รวมถึงตลาดใหญ่อย่างสหรัฐเอง โดยเฉพาะในรัฐแคลิฟอร์เนีย
หลังจากที่ผู้ถือหุ้นเทสลาเพิ่งดีใจได้แค่ไม่กี่วันที่ "อีลอน มัสก์" ประกาศถอนตัวจากการทำงานการเมืองในฐานะที่ปรึกษาทรัมป์ และหัวหน้ากระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล (DOGE) หันกลับมาลุยธุรกิจเต็มตัว ล่าสุดมัสก์กลับปะทะคารมอย่างรุนแรงกับทรัมป์ จนทำให้หุ้นเทสลาดิ่งเหวลงหนักถึง 14% เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2568 ลงมาอยู่ที่ 284.70 ดอลลาร์ จากราคาสูงสุดเมื่อ 6 เดือนก่อนที่ 479.88 ดอลลาร์
การเทขายเมื่อคืนนี้ ทำให้มูลค่าตลาดของ Tesla ลดลงถึง 153,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการลดลงในวันเดียวครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่มีมา
นักวิเคราะห์หลายรายในรายงานของรอยเตอร์สและบลูมเบิร์กบ่งชี้ว่าทิศทางในอนาคตของ "หุ้นเทสลา" นั้นออกอาการ "น่าเป็นห่วง" แม้จะยังเต็มไปด้วยโอกาสอีกมากโดยเฉพาะการเดิมพันกับ "แท็กซี่ไร้คนขับ" (Robotaxi) ที่จะเป็นเดิมพันก้าวต่อไปหลังจากรถยนต์ไฟฟ้า แต่ "ความเสี่ยง" อาจจะมากกว่า เพราะเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยากเมื่อความเสี่ยงของหุ้นเทสลาล้วนขึ้นอยู่กับตัว "อีลอน มัสก์" มากกว่าจะเป็นไปตามพื้นฐานธุรกิจ
เวย์น คอฟแมน - หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดจาก Phoenix Financial Services
“เรื่องนี้เป็นเรื่องที่งี่เง่ามาก คนในตำแหน่งแบบนี้ควรจะรู้ดีว่าไม่ควรทำตัวเหมือนเด็ก ม.ต้น และสิ่งที่ทำให้เรื่องนี้ยากเป็นพิเศษสำหรับ Tesla ก็คือ คุณไม่สามารถแยกมูลค่าของบริษัทออกจากตัวเขาได้
ราคาหุ้น Tesla มักจะซื้อขายอ้างอิงกับตัวอีลอน มัสก์ มาตลอด เมื่อเขาแสดงท่าทีมีวิสัยทัศน์ราคาหุ้นก็จะพุ่งสูงขึ้น เมื่อเขามาทำ DOGE หุ้นก็ร่วงลง และเมื่อเขาออกจาก DOGE ราคาหุ้นก็รีบาวด์ขึ้น ในเมื่อมัสก์เป็นคนที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้น ดังนั้นหุ้นจะต้องร่วงลงอย่างแน่นอนเมื่อมัสก์กลายเป็นประเด็นเช่นนี้ ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป
หาก Tesla มีมูลค่าที่แท้จริง (intrinsic value) มหาศาล ราคาหุ้นก็จะไม่ร่วงลงแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้ แต่ที่เป็นอยู่ก็เพราะราคาหุ้น Tesla ไม่เคยซื้อขายตามปัจจัยพื้นฐาน
อดัม ซาร์ฮัน - ซีอีโอบริษัท 50 Park Investments
"เป็นที่ชัดเจนว่าอีลอนและทรัมป์ไม่ลงรอยกันอีกต่อไปแล้ว ประเด็นคือไม่มีใครรู้ถึงผลที่จะตามมาของเรื่องนี้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่คนขายหุ้น เพราะนี่ไม่ใช่ปัญหาประเภทที่จะเคลียร์หรือหาข้อยุติได้ทั้งหมด และหากเรื่องนี้ลุกลามบานปลายขึ้นอีก ผมคิดว่าอาจจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของ Tesla เลย
ทั้งสองคนต่างก็เป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก หากสู้กันด้วยอัตตา(อีโก้) ทรัมป์จะเป็นฝ่ายชนะ และผลกระทบต่อราคาหุ้น Tesla นั้นไม่สามารถคาดเดาได้เลย มันเป็นการพนันล้วนๆ ในตอนนี้ และนี่ยังไม่รวมถึงเรื่องประเด็นที่ว่าราคาหุ้น Tesla แพงมากอยู่แล้ว มันอาจจะน่าดึงดูดมากขึ้นถ้าราคาปรับตัวลงเพราะการเทขาย แต่ผมก็ไม่สามารถพูดได้เต็มปากว่ามันราคาถูกแล้ว"
รอส เกอร์เบอร์ ซีอีโอของบริษัท Gerber Kawasaki Wealth and Investment Management
“นี่คือหายนะของมัสก์ ผมไม่รู้ว่าจะพูดในแง่บวกได้หรือเปล่า เพราะมันเกินกว่าที่นักธุรกิจที่ฉลาดจะทำกัน ผมนึกไม่ออกเลยว่าหลังจากช่วยให้ทรัมป์ชนะเลือกตั้งกลับเข้ามาแล้ว เขาจะเปลี่ยนทรัมป์ให้กลายเป็นศัตรูของทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างไร
คณะกรรมการ (บอร์ด) ของบริษัทจะไม่ทำอะไรเลย ไม่มีใครปกป้องผู้ถือหุ้นของ Tesla วิธีปกป้องตัวเองก็คือการขายหุ้น และวันนี้ผมเองก็ขายหุ้น Tesla ไปบ้างแล้ว เราขายหุ้น Tesla มาหลายปีแล้ว และยังคงขายต่อไป”
เดฟ มาซซา - ซีอีโอของ Roundhill Financial
“เห็นได้ชัดว่าในระยะสั้นมันเป็นช่วงขาลงค่อนข้างมาก เพราะทำให้ซับซ้อนเพิ่มขึ้นอีกขั้นโดยไม่จำเป็น ผู้คนมองข้ามปัญหาเรื่องยอดขายรถยนต์ เพราะเชื่อว่าแท็กซี่ไร้คน (Robo taxi) ขับกำลังมา และผู้คนก็พร้อมที่จะให้เวลาอีกสักพัก
แต่ถ้าตอนนี้แบรนด์ถูกเพ่งเล็ง และตัวอีลอน มัสก์ เองก็ถูกเพิ่งเล็งเป็นการส่วนตัวเช่นกัน นั่นอาจจะทำให้ราคาในฝันของนักลงทุนลดลงมาอย่างมีนัยยะสำคัญ และนั่นคือสิ่งที่เราเห็นในวันนี้
Robotaxi จะช่วยพลิกวิกฤติได้หรือไม่
ก่อนหน้านี้แค่ไม่กี่วัน Tesla เพิ่งเปิดเผยข่าวดีที่นักลงทุนรอคอยมานาน กับความคืบหน้าครั้งใหญ่ของ "แท็กซี่ไร้คนขับ" (Robotaxi) ที่กำลังจะเปิดตัวบริการเป็นครั้งแรกในช่วงปลายเดือนมิ.ย. นี้ ที่เมืองออสติน รัฐเท็กซัส ซึ่งกำลังกลายเป็นแนวรบสมรภูมิสำคัญด้านเทคโนโลยีรถยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ
มัสก์ โพสต์ในแพลฟอร์ม X เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า บริษัทได้ทดสอบรถยนต์รุ่น Model Y โดยไม่มีคนขับที่เท็กซัสมาหลายวันแล้ว บริการแท็กซี่ไร้คนขับที่จะเริ่มชิมลางในออสติน จะเริ่มต้นที่รถยนต์ 10 คัน จากนั้นคาดว่าจะขยายเป็นหลายพันคัน โดยจะขยายไปยังเมืองอื่นๆ หากการเปิดตัวที่ออสตินเป็นไปด้วยดี
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายของเดิมพันใหม่ Tesla อยู่ที่สองประเด็นหลักๆ คือ การแข่งขันทางธุรกิจที่รุนแรง กับอุปสรรค(ใหม่) ทางการเมือง
Tesla เป็นหนึ่งในบริษัทหลายแห่งที่ใช้เมืองออสตินเป็นสนามทดสอบและตลาดเปิดตัวสำหรับเทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ โดยใช้ประโยชน์จากเมืองออสตินที่เต็มไปด้วยทาเลนต์ด้านหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ประชากรที่ตอบรับด้านเทคโนโลยี ที่อยู่อาศัยราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับฮับเทคโนโลยีอื่นๆ และโครงสร้างพื้นฐานเมืองที่มีสัญญาณไฟจราจรแนวนอนและถนนกว้าง ซึ่งเอื้อต่อการพัฒนาและใช้งานซอฟต์แวร์การทำแผนที่ และเหตุผลสำคัญที่สุดอาจเป็นเพราะ กฎระเบียบของรัฐนี้ที่เอื้ออำนวยต่อ Robotaxi
เหล่านี้ทำให้เมืองออสตินมีทั้ง Waymo ของค่าย Alphabet ที่เปิดให้บริการไปแล้วร่วมกับ Uber, มี Zoox ของค่าย Amazon, ADMT บริษัทในเครือ Volkswagen ที่ทดสอบรถมาตั้งแต่ปี 2566 และยังมีบริษัทสตาร์ตอัป Avride ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในเมืองออสตินและกำลังทดสอบรถยนต์ไร้คนขับและหุ่นยนต์ส่งของที่นี่ โดยมีแผนที่จะเปิดให้บริการแท็กซี่ไร้คนขับในเมืองต่อไปในอนาคต
“ผู้ชนะในอุตสาหกรรมนี้กำลังจะปรากฏตัวขึ้น หลังจากนี้จะเป็นเรื่องของสเกลการขยายขนาด” โทบี สนักส์ หัวหน้าฝ่ายขายและพันธมิตรของ Avride กล่าว
ส่วนอุปสรรคจากการเมืองนั้น การทะเลาะกันอย่างเปิดเผยกับทรัมป์อาจสร้างอุปสรรคมากมายให้กับเทสลาและอาณาจักรของมัสก์ กระทรวงคมนาคมของสหรัฐ ควบคุมมาตรฐานการออกแบบยานพาหนะ และจะมีอำนาจตัดสินใจอย่างมากว่าเทสลาสามารถไปต่อกับ Robotaxi ได้มากน้อยแค่ไหน และตอนนี้ หน่วยงานดังกล่าวกำลังสอบสวนซอฟต์แวร์ช่วยเหลือผู้ขับขี่ของเทสลา ซึ่งรู้จักกันในชื่อ "Full Self-Driving" หลังจากเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง
"การเมืองของอีลอนยังคงสร้างความเสียหายให้กับหุ้นของบริษัท ก่อนหน้านี้เขาสนับสนุนทรัมป์ ซึ่งทำให้ผู้ซื้อจากพรรคเดโมแครตจำนวนมากไม่พอใจ และตอนนี้เขาหันหลังให้กับรัฐบาลทรัมป์" เดนนิส ดิก ผู้ถือหุ้นเทสลาและหัวหน้านักกลยุทธ์ของ Stock Trader Network กล่าว
เนื่องจากยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าลดลง มัสก์จึงปรับทิศทางอนาคตของ Tesla หันไปโฟกัสรถยนต์ไร้คนขับแทนในช่วงปีที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ของ Wedbush กล่าวว่าโอกาสของ AI และ Robotaxi เพียงอย่างเดียวอาจทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทสูงถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์
มัสก์เคยเรียกร้องให้มีขั้นตอนการอนุมัติรถยนต์ไร้คนขับจากระดับ "รัฐบาลกลาง" เพียงหนึ่งเดียว เพื่อทำให้กระบวนการง่ายขึ้นจากระบบที่ยุ่งเหยิงที่ต้องขออนุญาตต่างกันไปในแต่ละรัฐ
รอสส์ เกอร์เบอร์ กล่าวว่าความขัดแย้งกับทรัมป์สร้างแรงกดดันเชิงลบต่อ Tesla ซึ่งอาจกระทบต่อการออกกฎระเบียบ และเสี่ยงต่อการถูกตรวจสอบจากรัฐบาลมากขึ้น







