มัสก์ทะเลาะกับทรัมป์ สัญญาอวกาศ 7 แสนล้าน เสี่ยงถูกยกเลิก

มัสก์ทะเลาะกับปธน.สหรัฐ อาจเป็น ‘จุดแตกหัก’ ที่เขย่าสัญญาอวกาศมูลค่า 7 แสนล้านบาท ส่อเค้าร้าวแรงจนกระทบอนาคตโครงการอวกาศทั้ง NASA, SpaceX และเส้นทางสู่ดาวอังคาร อาจต้องสะดุดกลางอากาศ
ในรอยร้าวครั้งใหญ่ระหว่าง “ผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก” กับ “ผู้ที่มีอำนาจที่สุดในสหรัฐ” มูลค่าสัญญาระหว่างรัฐบาลสหรัฐกับบริษัท SpaceX ประมาณ 22,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 7 แสนล้านบาท กำลังตกอยู่ในความเสี่ยง และโครงการอวกาศสหรัฐหลายโครงการ อาจเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่า ความขัดแย้งนี้มีต้นตอมาจากการที่มัสก์ออกมาตำหนินโยบายลดภาษีคนอเมริกัน และเพิ่มการใช้จ่ายของทรัมป์ ซึ่งเริ่มต้นเมื่อสัปดาห์ก่อน และบานปลายอย่างรวดเร็ว โดยทรัมป์ได้กล่าวโจมตีมัสก์ระหว่างการพูดคุยในห้องทำงานรูปไข่ จากนั้นมัสก์ก็โพสต์ข้อความหลายรายการในแพลตฟอร์ม X เพื่อตอบโต้ทรัมป์อย่างรุนแรง ซึ่งทรัมป์ก็ขู่ว่า อาจยกเลิกสัญญารัฐบาลกับบริษัทของมัสก์ทั้งหมด
เมื่อเห็นว่าคำขู่มีความจริงจัง อีลอน มัสก์จึงประกาศว่าจะเริ่ม “ปลดประจำการ” ยานอวกาศ Dragon ของ SpaceX ซึ่งปัจจุบัน NASA ใช้งานอยู่ ภายใต้สัญญามูลค่าประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 160,000 ล้านบาท ยานลำนี้ถือเป็นยานสัญชาติอเมริกันเพียงลำเดียวที่สามารถส่งนักบินอวกาศไป-กลับจากสถานีอวกาศนานาชาติได้ ทำให้บริษัทของมัสก์กลายเป็นกำลังหลักที่สำคัญของโครงการอวกาศสหรัฐ
ความขัดแย้งครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดคำถามว่า ทรัมป์ ซึ่งเป็น “บุคคลที่มักคาดเดาไม่ได้” และเคยแทรกแซงกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างในอดีต จะลงมือเล่นงานมัสก์หรือไม่ และไปไกลขนาดไหน
หากทรัมป์จริงจังกับการตอบโต้ทางการเมือง และตัดสินใจยกเลิกสัญญามูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ระหว่าง SpaceX กับ NASA และกระทรวงกลาโหม ก็อาจทำให้ความก้าวหน้าทางอวกาศของสหรัฐชะลอลงอย่างมาก
ความขัดแย้งระหว่างมัสก์กับทรัมป์ ได้ทำลายความสัมพันธ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐ กับมหาอำนาจในวงการอุตสาหกรรม ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ช่วยให้ SpaceX ได้รับสิทธิประโยชน์สำคัญหลายอย่าง เช่น การเสนอแผนปรับโครงสร้างโครงการดวงจันทร์ของ NASA ให้กลายเป็นโครงการสำรวจดาวอังคาร การวางแผนสร้างโล่ป้องกันขีปนาวุธขนาดยักษ์ในอวกาศ และการแต่งตั้งผู้นำกองทัพอากาศที่สนับสนุน SpaceX ในการมอบสัญญาต่าง ๆ
การปลดประจำการยาน Dragon อาจส่งผลกระทบต่อโครงการสถานีอวกาศนานาชาติ (ISS) ซึ่งมีประเทศต่าง ๆ หลายสิบประเทศเข้าร่วม ภายใต้ข้อตกลงระหว่างประเทศที่มีอายุกว่า 20 ปี แต่ยังไม่ชัดเจนว่า การปลดประจำการนี้จะเกิดขึ้นเร็วแค่ไหน โดย NASA ยังใช้ยานอวกาศ Soyuz ของรัสเซีย เป็นทางเลือกสำรองสำหรับการส่งนักบินอวกาศไปยัง ISS ด้วย
นักวิเคราะห์ระบุว่า SpaceX ได้ก้าวสู่ความโดดเด่นในตลาดก่อนที่มัสก์จะเข้าสู่การเมืองพรรครีพับลิกันในปีที่แล้ว โดยสามารถสร้างส่วนแบ่งตลาดที่แข็งแกร่งในธุรกิจการปล่อยจรวด และการสื่อสารผ่านดาวเทียม ซึ่งอาจช่วยปกป้องบริษัทในระดับหนึ่งจากความขัดแย้งระหว่างมัสก์กับทรัมป์
“โชคดีที่สถานการณ์นี้ไม่น่าจะถึงกับเลวร้ายรุนแรง เพราะ SpaceX ได้พัฒนาตัวเองจนกลายเป็นผู้เล่นระดับโลกที่ครองอุตสาหกรรมอวกาศส่วนใหญ่ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า สถานการณ์นี้จะทำให้สูญเสียรายได้จำนวนมากและพลาดโอกาสในการรับสัญญาไปอย่างแน่นอน” จัสตัส พาร์มาร์ ซีอีโอของ Fortuna Investments และเป็นนักลงทุนใน SpaceX กล่าว
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารของทรัมป์ อุตสาหกรรมอวกาศสหรัฐ และพนักงาน NASA จำนวน 18,000 คน ได้เผชิญกับความไม่แน่นอนจากการเลิกจ้างพนักงานที่ใกล้จะเกิดขึ้น และข้อเสนอลดงบประมาณที่จะยกเลิกโครงการวิทยาศาสตร์หลายสิบโครงการ ขณะที่ NASA ยังไม่มีผู้บริหารที่ได้รับการยืนยันตำแหน่งอย่างเป็นทางการด้วย
อีกรอยร้าวระหว่างมัสก์กับปธน.ทรัมป์ คือ ทำเนียบขาวได้ถอนชื่อ “จาเร็ด ไอแซกแมน” นักบินอวกาศเอกชนพันล้านและพันธมิตรของมัสก์ ออกจากการพิจารณาให้ดำรงตำแหน่งผู้บริหาร NASA อย่างกะทันหันในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้มัสก์เสียโอกาสที่จะได้คนของตนเองมานำหน่วยงานอวกาศ
ทรัมป์ให้เหตุผลในการปลดไอแซกแมนเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เขาเป็น “ฝ่ายเดโมแครตเต็มตัว”
อ้างอิง: reuters







