IMF เตือน 'เทรดวอร์' หนักกว่า 'โควิด' งานยากแบงก์ชาติตลาดเกิดใหม่

IMF เตือน 'เทรดวอร์' หนักกว่า 'โควิด' งานยากแบงก์ชาติตลาดเกิดใหม่

'ไอเอ็มเอฟ' ออกโรงเตือน วิกฤติสงครามการค้าครั้งนี้ 'สาหัส' กว่าวิกฤติโควิด-19 สำหรับธนาคารกลางกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ ปัญหาซับซ้อนขึ้น วิธีรับมือไม่เหมือนกัน ทำการเงินโลกตึงตัว

กิตา โกปินาถ รองกรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า ภาวะช็อกจากสงครามการค้าจะส่งผลกระทบที่แตกต่างกันต่อธนาคารกลางในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ ซึ่งต่างจากช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งครั้งนั้นธนาคารกลางสามารถดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินได้อย่างรวดเร็ว

ในบทสัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Financial Times โกปินาถซึ่งเป็นรองกรรมการผู้จัดการคนแรกของไอเอ็มเอฟ กล่าวว่า ผลกระทบที่ไม่สามารถคาดเดาได้ของภาษีศุลกากรสหรัฐที่มีต่อเศรษฐกิจกำลังพัฒนา และตลาดโลก จะทำให้เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางประเทศเหล่านี้ทำงานได้ยากขึ้น

“ครั้งนี้ความท้าทายของพวกเขาจะใหญ่กว่าเมื่อเทียบกับช่วงการระบาดของโควิด” ผู้บริหารไอเอ็มเอฟ กล่าว

เจ้าหน้าที่หลายคนของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่างส่งสัญญาณว่าพวกเขา "ไม่พร้อมที่จะลดอัตราดอกเบี้ย" จนกว่าจะแน่ใจว่าภาษีศุลกากรจะไม่ทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น แต่สำหรับตลาดเกิดใหม่ที่เผชิญกับกำแพงภาษีที่สูงขึ้นจากสหรัฐ สถานการณ์ดูเหมือนว่าพวกเขาจะช็อกกับอุปสงค์มากกว่า โดยหมายถึงอัตราเงินเฟ้อ และการเติบโตที่ชะลอตัวลง

สถานการณ์นี้แตกต่างไปจากช่วงเริ่มต้นการระบาดของโควิด ที่ธนาคารกลางส่วนใหญ่ทั้งในกลุ่มประเทศร่ำรวย และกลุ่มประเทศรายได้ปานกลาง สามารถลดอัตราดอกเบี้ยหรือประกาศโครงการซื้อพันธบัตรเพื่อช่วยฟื้นฟูการเติบโตได้

“เมื่อเรามีความแตกต่างกันในลักษณะนี้ อาจทำให้สภาพการเงินโลกตึงตัวขึ้น และตลาดเกิดใหม่มีความอ่อนไหวเป็นพิเศษต่อการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวในตลาดโลก” โกปินาถ กล่าว

ทั้งนี้ สกุลเงิน และตลาดหุ้นของกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ฟื้นตัวขึ้นอย่างมากในช่วงสองเดือน นับตั้งแต่ทรัมป์ประกาศภาษีศุลกากรตอบโต้ครั้งใหญ่ในวันปลดแอก 2 เม.ย.68 เนื่องจากนักลงทุนเดิมพันว่าธนาคารกลางส่วนใหญ่เหล่านี้จะสามารถดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้างที่อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าในประเทศพัฒนาแล้วอาจจะดึงเงินทุนไหลกลับออกไปก็ตาม

ดัชนี MSCI ตลาดเกิดใหม่ (ไม่รวมจีน) ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของสงครามการค้าของทรัมป์ พุ่งขึ้นเกือบ 20% นับตั้งแต่จุดต่ำสุดไม่นานหลังจากวันปลดแอกของทรัมป์ สกุลเงินเปโซเม็กซิโก วอนเกาหลีใต้ และแรนด์แอฟริกาใต้ เพิ่มขึ้นมากกว่า 5% เมื่อเทียบราคาสปอต เนื่องจากนักลงทุนต่างเทขายดอลลาร์สหรัฐในช่วงเวลาเดียวกัน

อย่างไรก็ตาม องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) เพิ่งออกรายงานในสัปดาห์นี้เตือนว่า "ความเสี่ยงของกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายที่ผันผวนกำลังเพิ่มสูงขึ้นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่" แม้ว่าสกุลเงินเหล่านี้จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองสินทรัพย์ในสหรัฐ  แต่ OECD ก็เตือนว่าสถานการณ์ยังคงมีความผันผวนสูง

“ตลาดเกิดใหม่หลายแห่งกำลังเสี่ยงเผชิญภาวะกระแสเงินทุนไหลออก หากแนวโน้มเศรษฐกิจ และเซนทิเมนต์ความเสี่ยงโลกย่ำแย่ลง ซึ่งอาจนำไปสู่แรงกดดันค่าเงินที่ลดลง และต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มสูงขึ้น” รายงานระบุ

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์