พลัง ‘หญิงเกาหลีใต้รุ่นใหม่’ หนุน ‘อี แจ-มยอง’ คว้าชัย หวังลดชายเป็นใหญ่ในสังคม

ผลสำรวจพบ หญิงเกาหลีใต้รุ่นใหม่สนับสนุนอี แจ-มยอง คว้าชัยเลือกตั้งประธานาธิบดี หวังรัฐบาลใหม่เพิ่มความเท่าเทียมทางเพศ ในประเทศที่ผู้ชายยังคงเป็นใหญ่
หญิงรุ่นใหม่ในเกาหลีใต้แห่ลงคะแนนเสียงสนับสนุนอี แจ-มยอง ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อวันอังคาร (3 มิ.ย.) สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างด้านทัศนคติของเพศชายและหญิงที่ฝังรากลึกในการเมือง ซึ่งเกาหลีใต้เป็นประเทศที่ผู้ชายสนับสนุนผู้สมัครที่มีแนวคิดอนุรักษนิยมมากกว่า
เอ็กซิตโพลจากสามสถานีโทรทัศน์ พบว่า ผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเพศหญิงวัย 20 ปี ราว 58% และวัย 30 ปี ราว 57% ลงคะแนนให้กับอีจากพรรคประชาธิปไตย ซึ่งเดิมทีเป็นฝ่ายค้าน
ขณะที่เสียงส่วนใหญ่ของผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงเพศชายเลือกโหวตให้กับคิม มุนซู จากพรรคพลังประชาชน ซึ่งเดิมที่เป็นพรรครัฐบาล และอี จุนซอก จากพรรคอนุรักษนิยมอีกพรรคหนึ่ง
หญิงเกาหลีใต้รุ่นใหม่ยังเป็นผู้นำในการฟ้องร้องอดีตประธานาธิบดียุน ซ็อกยอลที่ถูกถอดถอนตำแหน่งจากการประกาศกฎอัยการศึกเป็นระยะเวลาสั้นๆ ในเดือน ธ.ค. 2567 จึงทำให้ต้องเลือกตั้งใหม่กะทันหัน และเป็นเพศที่ออกมาประท้วงต่อต้านยุนมากกว่าผู้ชาย ทั้งยังโบกแท่งไฟเคป๊อปประท้วงไม่หวั่นอากาศหนาว
มุน ซองฮี หญิงชาวกรุงโซลวัย 32 ปี เผยว่า เธอเลือกอี แจ-มยอง เพราะกังวลเกี่ยวกับผลโพลช่วงใกล้เลือกตั้งที่เริ่มเอนไปทางคิม
คิมและพรรคของเขาประสบความล้มเหลวในการทำตัวให้แตกต่างจากแนวทางของยุน ทำให้โหวตเตอร์เช่นเดียวกับมุนออกไปประท้วงนอกรัฐสภาหลังมีการประกาศกฎอัยการศึกเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.
สมาคมสตรีเกาหลี ระบุในแถลงว่า การปฏิวัตินำโดยผู้หญิงนั้น เป็นจุดเริ่มต้นเพื่อขับเคลื่อนความเท่าเทียมทางเพศที่ถดถอยลงภายใต้รัฐบาลยุน
“นี่ไม่ใช่ตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลทั่วไป แต่เป็นความสำเร็จในประวัติศาสตร์ที่เกิดจากผู้คนที่ฟื้นประชาธิปไตยความเท่าเทียมทางเพศได้อย่างยากลำบาก เนื่องจากถูกรัฐบาลยุน ซ็อกยอลทำลาย” สมาคมระบุ
ปัญหาความไม่เท่าเทียมทางเพศกลายเป็นปัญหาใหญ่ และเกาหลีใต้มีช่องว่างทางเพศแย่ที่สุดในกลุ่มประเทศ OECD โดยผู้หญิงมีรายได้ราว 2 ใน 3 ของรายได้ผู้ชาย
ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่า ความพยายามที่จะแก้ไขปัญหาความไม่เท่าเทียมก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากกลุ่มคนหนุ่ม เนื่องจากรู้สึกว่าถูกเลือกปฏิบัติกลับ และไม่พอใจที่ผู้หญิงไม่ต้องเกณฑ์ทหาร
ในศึกเลือกตั้งปี 2565 อดีตปธน.ยุน ได้ใช้ประโยชน์จากกระแสต่อต้านสตรีนิยม ด้วยการให้คำมั่นว่าจะยกเลิกกระทรวงความเท่าเทียมทางเพศ และพยายามเอาใจผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นชายหนุ่มในการเลือกตั้งครั้งก่อน แลกกับการเสียคะแนนเสียงส่วนใหญ่จากกลุ่มหญิงสาวให้กับอี อย่างไรก็ตาม กระทรวงนี้ยังคงมีอยู่ แต่ไม่มีรัฐมนตรี
โหวตเตอร์มุนบอกว่า "ฉันรู้สึกสับสนกับคำสัญญาที่จะยกเลิกกระทรวงความเท่าเทียมทางเพศ พูดตามตรง ฉันไม่คิดจริงๆ ว่าพวกเขาจะให้ความสำคัญกับผู้หญิงเลยตลอดสามปีที่ผ่านมา”
ขณะที่อีให้คำมั่นในช่วงหาเสียงเลือกตั้งว่าจะขยายบทบาทกระทรวงความเท่าเทียมทางเพศและเพิ่มโทษต่อการก่อความรุนแรงต่อสตรี
“คนหนุ่มสาวถูกผลักดันให้แข่งขันกันอย่างสุดขีด ถึงขั้นต้องต่อสู้กันระหว่างผู้ชายและผู้หญิง” อีกล่าวขณะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันพุธ (4 มิ.ย.) โดยกล่าวตำหนิการขาดโอกาสและการแข่งขันที่รุนแรงว่าเป็นตัวสร้างความแตกแยกระหว่างเพศ
อย่างไรก็ตาม อีไม่ได้เป็นผู้สนับสนุนกฎหมายต่อต้านการเลือกปฏิบัติอย่างเปิดเผย และเมื่อพรรคประชาธิปไตยเผยนโยบายเป็นครั้งแรก ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์เพราะไม่มีการเอ่ยถึงเรื่องเพศ
เครือข่ายการเมืองผู้หญิงเกาหลีโต้ว่าอีเพิกเฉยต่อความเท่าเทียมทางเพศ เพราะกลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อตนเองในศึกเลือกตั้ง และหลังจากที่เขาชนะแล้ว กลุ่มก็ได้เรียกร้องให้อีนำคำมั่นสัญญาบางอย่างของควอน ยองกุกไปปรับใช้
ควอน ซอฮยอน นักศึกษาชั้นปีที่ 1 วัย 18 ปี จากมหาวิทยาลัยสตรีซุกมยอง กล่าวว่า เธอได้เข้าร่วมการประท้วงต่อต้านยุนหลังจากที่เขาประกาศกฎอัยการศึก แต่เธอได้ลงคะแนนให้กับควอน ยองกุก ผู้สมัครรายย่อยจากพรรคแรงงานประชาธิปไตย
ควอน ยองกุก เรียกตนเองว่าเป็นผู้สนับสนุนสตรีนิยม และเป็นแคนดิเดตเพียงคนเดียวที่ให้คำมั่นจะตรากฎหมายต่อต้านการเลือกปฏิบัติ
ทั้งนี้ ความเท่าเทียมทางเพศไม่ได้จัดอยู่ในนโยบายสำคัญได้รับเสนอในการเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากการเลือกตั้งปี 2565 นอกจากนี้การเลือกตั้งครั้งล่าสุดยังไม่มีผู้สมัครหญิงลงสมัครชิงเก้าอี้ปธน.เป็นครั้งแรกในรอบ 18 ปีด้วย
อ้างอิง: Reuters







