UBS ชี้ Tesla ‘เสื่อมมนต์ขลัง’ เสียตลาดทั่วโลก จีน – ยุโรปหันหารถ BYD - Xiaomi

รายงาน UBS ชี้ ‘Tesla’ กำลังสูญเสียส่วนแบ่งตลาด และความนิยมไปทั่วโลก ในขณะที่ยอดขาย BYD พุ่งก้าวกระโดด และ Xiaomi ก็พร้อมจะเข้ามาเขย่าตลาด EV พรีเมียม
หนังสือพิมพ์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์รายงานอ้างการสำรวจของ ธนาคาร UBS ที่เผยว่า แบรนด์ “เทสลา” (Tesla) ได้สูญเสียความเย้ายวนในตลาดสำคัญทั่วโลก อันเนื่องมาจากความเกี่ยวข้องทางการเมืองของ อีลอน มัสก์ ซีอีโอ Tesla จนปูทางให้คู่แข่งจากจีนอย่าง “BYD” และ “Xiaomi” ก้าวเข้ามาเติมเต็มช่องว่างที่เกิดขึ้น
UBS ระบุในรายงานที่เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (3 มิ.ย.68) ว่า จำนวนผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ในจีนแผ่นดินใหญ่ที่เลือก Tesla เป็นตัวเลือกแรก ได้ “ลดลงอย่างต่อเนื่อง” โดยลดลงเหลือเพียง 14% เมื่อปีที่แล้ว จาก 18% ในปีก่อนหน้า และลดลงอย่างมากจากจุดสูงสุดที่ 30% ในปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่ Tesla เริ่มประกอบรุ่น Model 3 ในเซี่ยงไฮ้
จากการสำรวจผู้เข้าร่วมประเมิน 10,500 คนของ UBS พบว่า Tesla สูญเสียส่วนแบ่งในตลาดลูกค้าทั่วโลก โดยมีผู้ซื้อรถยนต์เพียง 18% ที่เลือก Tesla เป็นตัวเลือกอันดับแรกเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งลดลงจาก 22% ในปี 2023
ในสหรัฐ มุมมองเชิงบวกต่อ Tesla ลดลงเหลือ 29% จากเดิม 38%
ขณะที่ในยุโรป ลดลงเหลือ 15% จาก 20% ในปีก่อนหน้า
รายงานระบุว่า “ในประเทศจีน เราเห็นการแข่งขันที่รุนแรง และ Tesla ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีอีกต่อไป” พร้อมเสริมว่า “ในยุโรป โดยรวมแล้ว เราเชื่อว่าอาจเกิดความเสียหายต่อแบรนด์จากความเกี่ยวข้องทางการเมืองของมัสก์ เรายังคงระมัดระวังต่อ หุ้นTesla”
ในจีนแผ่นดินใหญ่ Tesla ได้ถูกแซงหน้าทั้งในด้านสมรรถนะ และภาพลักษณ์โดย BYD ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดของโลก
รายงานยังระบุอีกว่า “Xiaomi” ผู้ผลิตสมาร์ตโฟน และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้สำเร็จ หลังจากที่ Apple ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีล้มเหลว ก็ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น โดยที่ Tesla ต้องเสียส่วนแบ่งไป แม้ว่ารายงานจะไม่ได้ระบุตัวเลขเปอร์เซ็นต์โดยละเอียดสำหรับสองบริษัทนี้ก็ตาม
เมื่อเดือนที่แล้ว ข้อมูลจากบริษัทวิจัยตลาด Jato Dynamics เผยว่า BYD สามารถขายรถยนต์ไฟฟ้าในยุโรปได้ “มากกว่า Tesla” ซึ่งเป็นผู้นำตลาด “เป็นครั้งแรก” โดย BYD ผู้ผลิตรถยนต์จากเซินเจิ้น มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 7,231 คันในเดือนเมษายน เพิ่มขึ้น 169% จากปีก่อนหน้า ในขณะที่ยอดขายของ Tesla ลดลง 49% เหลือเพียง 7,165 คันในช่วงเวลาเดียวกัน
การสำรวจของ UBS ตอกย้ำให้เห็นว่า อุตสาหกรรมอีวีของจีนที่มีการแข่งขันสูง กำลังสร้างผู้ชนะที่เติบโต ซึ่งสามารถบดบังรัศมีแบรนด์ที่เคยโด่งดังอย่าง General Motors, Toyota Motors และ Tesla โดยจีนแซงหน้าสหรัฐ ขึ้นเป็น “ตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก” ในปี 2009 และปัจจุบัน จีนประกอบรถยนต์ไฟฟ้าต่อปีได้ มากกว่าประเทศอื่นๆ ทั่วโลกรวมกันเสียอีก
เกา เสิ่น นักวิเคราะห์อิสระในเซี่ยงไฮ้ กล่าวว่า “ผู้ผลิตรถยนต์จีนสามารถผลิตรถยนต์รุ่นที่ชาญฉลาดกว่า Model 3 และ Model Y ของ Tesla ได้ในราคาที่ถูกกว่า” และเสริมว่า “การเติบโตของแบรนด์ท้องถิ่น ได้ดึงความสนใจในการซื้อรถยนต์ Tesla ไปได้เป็นอย่างมาก”
จากข้อมูลของ CnEVPost ผู้ให้บริการข้อมูลจากเซี่ยงไฮ้ ระบุว่า ยอดส่งมอบรถยนต์ของ Tesla ในจีนในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ หดตัวลงถึง 31.6% จากไตรมาสก่อนหน้า เหลือเพียง 134,607 คัน
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Xiaomi ได้เปิดตัวรถยนต์อเนกประสงค์ (SUV) รุ่น YU7 ที่หลายคนตั้งตารอ เพื่อเข้าแข่งขันกับ Model Y โดย YU7 โดดเด่นด้วยระบบขับขี่อัตโนมัติเบื้องต้น, หน้าจอมัลติมีเดียขนาดใหญ่ และแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง ซึ่งถูกมองว่าเป็นผู้พลิกเกมในตลาดรถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม
อ้างอิง: scmp
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์






