จีนเตือนสหรัฐ! หยุดใช้แรงกดดันบีบบังคับ หากต้องการคุยกับจีน

‘แรงกดดันและการบีบบังคับ ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องในการติดต่อกับจีน’ คือถ้อยคำเตือนจากปักกิ่งที่ส่งตรงถึงวอชิงตัน หลังจีนถูกสหรัฐกล่าวหาว่า ละเมิดข้อตกลงหยุดขึ้นภาษี
จากกรณีกระแสข่าวจากทำเนียบขาวที่ระบุว่า ผู้นำของ “สหรัฐ” และ “จีน” จะมีการคุยกันโดยตรงด้านการค้า หนังสือพิมพ์เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์รายงานว่า รัฐบาลปักกิ่งได้เรียกร้องเมื่อวันอังคาร (3 มิ.ย.) ให้วอชิงตัน “เคารพข้อเท็จจริง หยุดเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือน และแก้ไขพฤติกรรมที่ผิดพลาดของตน” เพื่อสร้างเงื่อนไขที่เอื้อต่อการเจรจาอย่างมีความหมาย
“แรงกดดันและการบีบบังคับ ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องในการติดต่อกับจีน” หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวที่กรุงปักกิ่ง หนึ่งวันหลังจากทำเนียบขาวระบุว่า “มีแนวโน้ม” ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ จะพูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนในสัปดาห์นี้เกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้า
สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์เมื่อวันอาทิตย์ว่า รายละเอียดของข้อตกลงทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ จะได้รับการตกลงกันอย่างชัดเจน
ถ้อยแถลงล่าสุดนี้ มีขึ้นหลังจากที่ทั้งสองประเทศต่างกล่าวหากันและกันว่า ละเมิดข้อตกลงหยุดขึ้นภาษีชั่วภาษี ซึ่งได้บรรลุร่วมกันที่นครเจนีวาเมื่อเดือนที่แล้ว โดยข้อตกลงดังกล่าวกำหนดให้สองเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก ลดภาษีสินค้านำเข้าระหว่างกันลง 115% เป็นระยะเวลา 90 วัน
เมื่อวันศุกร์ โดนัลด์ ทรัมป์โพสต์ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์ระบุว่า “จีนได้ละเมิดข้อตกลงกับเราโดยสิ้นเชิง”
ในวันเดียวกัน มีรายงานว่า วอชิงตันได้ระงับการขายเทคโนโลยีเครื่องยนต์เจ็ตรุ่นใหม่บางรายการ และซอฟต์แวร์ออกแบบชิปให้กับจีน เพื่อมุ่งเป้าไปยังอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงของจีน
แม้ว่าทรัมป์จะไม่ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการละเมิดข้อตกลงของจีนที่กล่าวหาไว้ แต่เบสเซนต์และเจ้าหน้าที่สหรัฐคนอื่นได้กล่าวหาว่า ปักกิ่งระงับการส่งออกแร่สำคัญบางชนิดที่ได้ตกลงกันไว้ในข้อตกลง เช่น แร่หายาก ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงและเทคโนโลยีทางทหาร
“ก็ต้องรอดูว่าจะเกิดผลกระทบอะไรขึ้นบ้าง ผมมั่นใจว่า เมื่อประธานาธิบดีทรัมป์และสี จิ้นผิง ประธานพรรคคอมมิวนิสต์ได้พูดคุยกัน เรื่องนี้จะสามารถตกลงกันได้” เบสเซนต์กล่าวกับ
สถานีข่าว CBS News เมื่อวันอาทิตย์ พร้อมเสริมว่า “จีนระงับการส่งออกสินค้าบางรายการที่ได้ตกลงกันไว้ในข้อตกลง”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า แร่หายาก เป็นหนึ่งในสินค้าที่เขาหมายถึงหรือไม่ เบสเซนต์ยอมรับว่าใช่
ด้านกระทรวงพาณิชย์ของจีนปฏิเสธข้อกล่าวหาของวอชิงตันนี้ “สหรัฐ เป็นฝ่ายเริ่มต้นความขัดแย้งทางการค้าอยู่ฝ่ายเดียวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งก่อให้เกิดความไม่แน่นอนในความสัมพันธ์ทวิภาคี” พร้อมเสริมว่า วอชิงตัน “บิดเบือนความจริงอย่างร้ายแรง” ในถ้อยแถลงของตน
“จีนยังคงยึดมั่นในความรับผิดชอบอย่างจริงจังและเคร่งครัดในการปฏิบัติตาม และธำรงไว้ซึ่งฉันทามติที่เกิดขึ้นหลังการเจรจาที่เจนีวา ด้วยความตั้งใจแน่วแน่และซื่อสัตย์สุจริต” กระทรวงระบุ
หลิน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนระบุว่า จีนได้ยื่น “การประท้วงอย่างเป็นทางการ” ต่อสหรัฐเกี่ยวกับความเสียหายร้ายแรงต่อฉันทามติที่เจนีวา และผลประโยชน์อันชอบธรรมของฝ่ายจีน โดยวิจารณ์สหรัฐว่า “ใส่ร้ายและกล่าวหาฝ่ายจีนโดยปราศจากข้อเท็จจริง พร้อมทั้งใช้มาตรการกดดันอย่างรุนแรง” โดยมาตรการเหล่านั้นรวมถึงการควบคุมการส่งออกชิปไปยังจีน การระงับการขายซอฟต์แวร์ออกแบบชิปให้กับจีน และการเพิกถอนวีซ่านักเรียนจีน
ทั้งนี้ หลินเรียกร้องให้สหรัฐ “เคารพข้อเท็จจริง หยุดเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่มีมูล แก้ไขพฤติกรรมที่ผิดพลาด และรักษาฉันทามติที่ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุร่วมกันด้วยการกระทำที่เป็นรูปธรรม”
อ้างอิง: scmp







