ชาตินิยม สงครามกัมพูชาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ | มองมุมยุทธศาสตร์

ชาตินิยม สงครามกัมพูชาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ | มองมุมยุทธศาสตร์

ความขัดแย้งระหว่างเพื่อนบ้านในยุคปัจจุบัน เป็นเรื่องจุกจิกน่ารำคาญ แม้ว่าทุกประเทศพยายามจะแก้ไขโดยสันติ

การพัฒนาแสวงหาประโยชน์ร่วมกัน และช่องทางนานาเพื่อลดความตึงเครียด แต่บางครั้งการปะทะประปรายก็ยังอาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะระหว่างรัฐที่ต่างก็ยังไม่กลายเป็นประเทศพัฒนาอย่างสมบูรณ์ 

ปัจจัยที่ทำให้ไทยกับกัมพูชายังจำเป็นต้อง “ถมศพทหาร” เข้าไปห้วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่าน ไปสู่การเป็นประเทศที่เลิกคิดถึงความขัดแย้งด้านอธิปไตยเหนือพื้นที่ไปแล้วอย่างเช่นฝรั่งเศสกับเยอรมนีนั้น  มีมากมาย และตัวกระตุ้นหลักที่ยังหล่อเลี้ยงปัจจัยเหล่านี้อยู่ก็คือ คนชั่วที่มีอิทธิพลและลอยนวลเหนือกฎหมายใดๆ  

ประวัติศาสตร์ในตำราและการรับรู้เป็นสารตั้งต้นของความคุกรุ่นอันดับหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  กัมพูชามองตนเองว่าสืบมรดกมาจากอาณาจักรขอมผู้ยิ่งใหญ่  ครอบครองทุกสรรพสิ่งในย่านมานี้มาก่อน

แม้แต่ไทยหรือสยามก็เคยเป็นลูกไล่เขาในอดีต แต่เมื่อเวลาผ่านไปเพื่อนบ้านกลับยึดของ ๆ เขาไปเป็นสมบัติ ทิ้งให้กัมพูชาตกต่ำขมขื่น พึ่งฟื้นตัวขึ้นมาได้  จึงพยายามไขว่คว้าทวงสิทธิทวงของทวงแผ่นดินของเขาคืนเท่าที่จะมีขีดความสามารถทำได้ 

ความคิดชาตินิยมแบบนี้ถูกปลุกเร้าอย่างต่อเนื่องในรอบสิบกว่าปีมานี้  จนทำให้คนกัมพูชาจำนวนมากคิดว่าปี 2568  พวกเขา “มีขีดความสามารถทำได้” ในระดับหนึ่ง  เช่น กำลังทหารพรักพร้อม  คนในชาติจำนวนมหาศาลหนุนหลัง และมีพันธมิตรต่างประเทศผู้เข้มแข็ง

เมื่อทุกอย่างสอดคล้องบรรจบกับความรู้สึกคลั่งแค้นในใจ จึงนำมาถึงการทวงคืนสิ่งที่เขาคิดว่าชอบธรรม  ...ผืนป่ารกชัฏและปราสาทร้าง

แต่ไทยก็ไม่อาจสละผืนป่ารกชัฏและปราสาทร้างให้หน้าไหนไปได้  เพราะไทยก็มีพันธะต่ออธิปไตยของชาติ (ซึ่งเป็นเรื่องที่นักวิชาการหรือพ่อค้าที่มองแต่ผลประโยชน์ของทรัพยากรธรรมชาติใต้พื้นดินบ้าง การค้าขายข้ามพรมแดนบ้างอาจไม่เข้าใจว่าแย่งกันไปทำไม) 

อธิปไตยนั้นนำไปสู่ศักดิ์ศรีและความมั่นคงของชาติ  หากปลอยให้กัมพูชาครอบครองพื้นที่อ้างสิทธิของไทยไป  อาจนำไปสู่ความเสียหายของระยะทางอ้างสิทธิในอีกหลายพื้นที่ 

ปัญหาชายแดนที่ประชิดเข้ามาสู่พื้นที่ตอนในมากขึ้น หรือการได้คืบจะเอาศอก ซึ่งก็จะนำไปสู่การปะทะระลอกต่อไปอยู่นั่นเอง   

การที่กัมพูชายังเป็นประเทศที่ปกครองแบบกึ่งอำนาจนิยม  จึงไม่สามารถสกัดกั้นผู้มีอิทธิพลคนเลวให้รณรงค์กระพือโหมความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านได้ 

คนเหล่านี้จะได้ประโยชน์สูงมากจากกระแสชาตินิยมในหมู่คนกัมพูชา  ไม่ว่าจะเป็น คะแนนนิยมทางการเมือง  รายได้จากยุทธปัจจัยส่งไปแนวหน้า  ส่วนต่างจากค่ายุทโธปกรณ์ต่างประเทศ  ที่ดินที่กว้านซื้อควบคู่กับการผลักดันคนเขมรมุ่งสู่ตะวันตก หรืออะไรต่อมิอะไรที่คนธรรมดาคาดไม่ถึง  

การรณรงค์ปลุกกระแสชาตินิยม และพร้อมรบทำต่อเนื่องกันมานานแล้ว ควบคู่ไปกับการก่อสร้างพิพิธภัณฑ์ปลูกฝังความรักชาติในจังหวัดต่างๆ  ตัดถนนสร้างหมู่บ้านเตโชอาสาป้องกันชาติ  และการเอื้อประโยชน์ให้ประเทศที่สามเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงภายในประเทศในด้านทุนนิยม

แม้แต่สถานการณ์โลกก็เป็นตัวกำหนดให้กัมพูชา ต้องปรับตัวจากประเทศเหนียมๆ ริมอ่าวไทย กลายเป็นตัวแปรที่มีความสำคัญมากขึ้นระดับมหาสมุทรแปซิฟิก 

ท่าเรือริมอ่าวที่อาจกลายเป็นฐานทัพของมหาอำนาจหนึ่งได้รับการประท้วงและต่อต้านจากมหาอำนาจอีกชาติหนึ่ง จนนำไปสู่การที่กัมพูชาจำต้องเลือกข้างจีนในเวทีการเมืองระหว่างประเทศ  ส่งผลให้หลายประเทศในอาเซียนที่มีข้อพิพาทกับจีนประเด็นทะเลจีนใต้ปวดหัวตามไปด้วย  

การแสวงประโยชน์ของจีนที่มีอิทธิพลต่อกัมพูชาอย่างเต็มที่ มีส่วนผลักดันให้กัมพูชาฮึกเหิมมากขึ้น รวมถึงด้านการซ้อมรบ  อาวุธยุทโธปกรณ์ และสิ่งก่อสร้างทางทหารต่างๆ  

ข้อพิพาทที่กำลังเกิดขึ้นอาจชะลอเวลาได้ชั่วคราวผ่านการเจรจา แต่ไม่สามารถแก้ไขได้อย่างถาวร ฝ่ายใดจะกล้ายกเลิกแผนที่พรมแดนฉบับที่ตนยึดถือ

กฎหมายระหว่างประเทศหรือความแม่นยำของเทคโนโลยีสมัยใหม่นั้นไม่สามารถฝ่าด่านเสียงด่าว่าขายชาติ หากไปยอมตามอีกฝ่าย  ความเขม็งตึงที่สุดล้าและการยุแยงของโซเชียลมีเดียอาจทำให้เกิดการปึงปังขึ้นมาได้ทุกเมื่อ หากมีคนตายจะยิ่งจบยาก

แน่นอนว่าการสู้รบจะกินเวลาไม่นาน แต่ก็พอให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตทหารแนวหน้าและเศรษฐกิจชายแดน ขณะที่ความเกลียดชังจะอยู่ต่อไปนานกว่านั้น  ความไว้ใจและความร่วมมือจริงจังจะไม่เกิดขึ้น

เราคงได้แต่ฝากหวังให้กับคนรุ่นใหม่ในอนาคตที่มีสำนึกต่างออกไปจากแบบเดียวกับที่คนรุ่นปัจจุบันมี  และหวังว่าผู้มีอิทธิพลที่ฉวยโอกาสจากสถานการณ์นี้จะลดอำนาจลง   

แสงของความจริงปรากฏออกมาให้โลกตรวจสอบได้มากขึ้นทำให้คนไม่กล้าบิดเบือนทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องชอบธรรม   และทุกฝ่ายที่จะตระหนักถึงประโยชน์ของสันติภาพและความรักมากกว่าอื่นใด.