จับตาเลือกตั้ง ‘ปธน.เกาหลีใต้’ 3 มิ.ย. ชี้ชะตาอนาคตประเทศ

จับตาเลือกตั้ง ‘ปธน.เกาหลีใต้’ 3 มิ.ย. ชี้ชะตาอนาคตประเทศ

เกาหลีใต้เตรียมเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่วันที่ 3 มิ.ย. นี้ จับตาใครจะเป็นผู้นำคนใหม่ หลังอดีตปธน.ยุน ซ็อกยอลถูกถอดถอนจากตำแหน่ง จากการประกาศกฎอัยการศึกเดือนธ.ค. ปีที่แล้ว

จับตาเกาหลีใต้เลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ 3 มิ.ย. นี้ ใครจะขึ้นมาเป็นผู้นำแทนอดีตประธานาธิบดียุน ซ็อกยอลที่ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งจากการประกาศกฎอัยการศึกเป็นระยะเวลาสั้นๆ เมื่อปลายปีก่อน

การเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของอนาคตประชาธิปไตยเกาหลีใต้ รวมถึงเรื่องความสัมพันธ์กับจีน สหรัฐ และเกาหลีเหนือ

ผู้ชนะเลือกตั้งซึ่งมีวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี จะต้องเผชิญกับการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เป็นผลพวงมาจากการประกาศกฎอัยการศึก ที่ก่อให้เกิดความปั่นป่วนทางการเมือง

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีคนใหม่ยังต้องเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ และจัดการการเจรจาการค้ากับสหรัฐ ซึ่งเรียกเก็บภาษีสินค้าที่สำคัญของเกาหลีใต้ในอัตรา 25% อาทิ เหล็ก อะลูมิเนียม และยานยนต์

จับตาเลือกตั้ง ‘ปธน.เกาหลีใต้’ 3 มิ.ย. ชี้ชะตาอนาคตประเทศ อี แจ-มยอง

แคนดิเดตในศึกเลือกตั้งครั้งนี้มีทั้งหมด 6 คน แต่คู่แข่งหลักที่ท้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีคือ อี แจ-มยอง จากพรรคประชาธิปไตยเกาหลี (DP) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน และคิม มุนซู จากพรรคพลังประชาชน (PPP) ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล

จับตาเลือกตั้ง ‘ปธน.เกาหลีใต้’ 3 มิ.ย. ชี้ชะตาอนาคตประเทศ คิม มุนซู

จากผลสำรวจของแกลลัพโคเรียเมื่อวันที่ 28 พ.ค. ประชาชน 49% พึงพอใจแคนดิเดตจากฝ่ายเสรีนิยม ขณะที่ 39% บอกว่าจะลงคะแนนให้กับนายคิม วัย 73 ปี ผู้มีแนวคิดอนุรักษนิยมที่แน่วแน่ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานในรัฐบาลยุนมาก่อน และอีก 9% เป็นของอี จุนซอก จากพรรคปฏิรูปใหม่ซึ่งเป็นพรรคอนุรักษนิยม

การประกาศกฎอัยการศึกของอดีตประธานาธิบดียุน ทำให้นายอี ผู้แพ้ศึกเลือกตั้งเมื่อปี 2565 กลับเข้าสู่สนามเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกครั้ง

นายอีเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการขัดขวางการประกาศกฎอัยการศึกของยุน โดยเขาได้ปีนกำแพงบริเวณอาคารรัฐสภาเพื่อหลบเจ้าหน้าที่ทหารติดอาวุธ พร้อมไลฟ์สดเรียกผู้สนับสนุนไปสภา และพยายามปกป้องไม่ให้สมาชิกรัฐสภาถูกจับกุม

ในช่วงหาเสียงนายอีให้คำมั่นจะนำตัวผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับความพยายามที่ล้มเหลวของยุน ซ็อกยอลมาลงโทษ และสัญญาว่าจะกำหนดมาตรการควบคุมความสามารถของประธานาธิบดีในการประกาศกฎอัยการศึก

นอกจากนี้นายอียังได้เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่ง 4 ปี และเป็นได้ 2 สมัย ขณะที่ปัจจุบันประธานาธิบดีเกาหลีใต้มีวาระดำรงตำแหน่ง 5 ปี และเป็นได้สมัยเดียว ทั้งยังเสนอให้ใช้ระบบการเลือกตั้งประธานาธิบดีแบบมีรอบสอง หากไม่มีผู้สมัครคนใดได้รับคะแนนเสียงถึง 50% ผู้สมัครสองอันดับแรกจะต้องแข่งขันกันในรอบที่สอง

ด้านนายคิม จากพรรค PPP ยอมรับข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญของนายอีที่เสนอให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งได้สองสมัย แต่แนะว่าควรปรับเวลาดำรงตำแหน่งเหลือวาระละ 3 ปี

ขณะที่พรรครัฐบาลดูเหมือนจะเจอศึกหนักในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน หลังจากอดีตปธน.ยุน ประกาศกฎอัยการศึก

บง ยองชิก นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยยอนเซในกรุงโซลบอกว่า ความขัดแย้งภายในพรรค และความแตกแยกในกลุ่มอนุรักษจากการประกาศกฎอัยการศึกของยุนทำให้พรรคสูญเสียการสนับสนุน และคิม มุนซูเองก็ไม่เปิดเผยจุดยืนของตนในเรื่องดังกล่าวอย่างชัดเจน มีแนวทางนโยบายไม่ต่างจากยุน และไม่เผยอย่างชัดเจนว่าเขาเชื่อว่าการประกาศกฎอัยการศึกเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ พรรค PPP จึงไม่มีพลังพอที่จะระดมฐานเสียงสนับสนุน

สำหรับนโยบายต่างประเทศ อี แจ-มยองให้คำมั่นคลี่ลคายความตึงเครียดกับเกาหลีเหนือ รวมถึงฟื้นสายด่วนทางทหารอีกครั้ง และมีความมุ่งมั่นที่จะรักษาเป้าหมายการกำจัดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลี

ขณะที่คิม มุนซู สนับสนุนแนวทางที่แข็งกร้าวของอดีตปธน.ยุน ให้คำมั่นรักษาแนวทางการป้องกันเชิงรุก ด้วยการใช้เครื่องมือต่างๆ เช่น ขีปนาวุธพิสัยไกล และนำอาวุธนิวเคลียร์ยุทธวิธของสหรัฐมาใช้ใหม่

ส่วนนโยบายต่อสหรัฐ แคนดิเดตพรรคฝ่ายค้านบอกว่า การรักษาความเป็นพันธมิตรกับสหรัฐและการร่วมมือทางทหารกับญี่ปุ่นเป็นสิ่งสำคัญ แต่ก็ให้คำมั่นว่าจะให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของชาติ และว่าไม่จำเป็นต้องสร้างความขัดแย้งกับจีนหรือรัสเซีย พร้อมสัญญาจะจัดประชุมสุดยอดกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทันทีเมื่อได้รับเลือก เพื่อหารือเรื่องภาษี

ทั้งนี้ การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียง 44.4 ล้านคน หีบเลือกตั้งจะเปิดลงคะแนนตั้งแต่เวลา 06.00 น. และปิดในเวลา 20.00 น. ตามเวลาเกาหลีใต้ หลังจากนั้นจะเริ่มนับคะแนนทันที และอาจทราบผลผู้ชนะในช่วงเย็นวันเลือกตั้งหรือช่วงเช้าตรู่วันถัดไป (4 มิ.ย.)

 

อ้างอิง: Al Jazeera