‘ทรัมป์’ ปะทะ ‘Harvard’ บั่นทอนนวัตกรรมสหรัฐ แต่เปิด ‘โอกาสทอง’ ชิงหัวกะทิจากอเมริกา

เมื่อทรัมป์เปิดศึกโจมตีมหาวิทยาลัย Harvard ตัดงบวิจัย และระงับการออกวีซ่านักเรียนทั่วโลก จนกระทบรากฐานนวัตกรรมสหรัฐ แต่ในอีกด้าน วิกฤตินี้กลับให้ ‘โอกาสทอง’ แก่มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั่วโลก ในการเร่งดึงคนเก่งจากสหรัฐเข้ามา
KEY
POINTS
- ความยิ่งใหญ่ทางนวัตกรรมสหรัฐที่ทั่วโลกเห็น ไม่ได้มาจากคนที่เกิดและเติบโตในสหรัฐอย่างเดียว แต่ยังมาจาก “บุคลากรเก่งจากทั่วโลก” ด้วย
- “เกือบครึ่งหนึ่ง” ของผู้จบการศึกษาปริญญาเอกและปริญญาโทด้าน STEM (วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์) ในสหรัฐ เป็น “นักศึกษาต่างชาติ”
- เคเซเนีย เปตรอวา นักชีววิทยาชาวรัสเซียซึ่งทำงานที่ Harvard Medical School ถูกควบคุมตัวที่ชายแดนสหรัฐ เนื่องจากไม่ได้สำแดงตัวอ่อนกบอย่างถูกต้อง และกำลังสู้คดีกับคำสั่งเนรเทศ
ในศึกระหว่าง “ประธานาธิบดีสหรัฐ” กับ “มหาวิทยาลัย Harvard” อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในประวัติศาสตร์ ด้วยการตัดงบประมาณ Harvard เบรกไม่ให้มหาวิทยาลัยนี้รับนักศึกษาต่างชาติ ไปจนถึงขั้น “ยกเลิกวีซ่า” ของนักศึกษาที่กำลังเรียนอยู่ หากถูกรัฐบาลมองว่าขัดต่อผลประโยชน์ของสหรัฐ
สิ่งนี้ไม่เพียงแต่สร้างบรรยากาศที่ไม่เป็นมิตรต่อชาวต่างชาติเท่านั้น แต่ยังฉุดรั้งและบั่นทอน “นวัตกรรมของสหรัฐ” ด้วย
เหตุผลเพราะความยิ่งใหญ่ทางนวัตกรรมสหรัฐที่ทั่วโลกเห็น ไม่ได้มาจากคนที่เกิดและเติบโตในสหรัฐอย่างเดียว แต่ยังมาจาก “บุคลากรเก่งจากทั่วโลก” ด้วย ซึ่งพวกเขามองว่า สหรัฐเป็นดินแดนแห่งเสรีภาพและเปิดกว้างทางความคิด จนสามารถดึงดูดหัวกะทิจากทั่วโลกให้ไหลเข้ามา
แม็กซ์ ไลต์วิน (Max Lytvyn) ผู้ก่อตั้งซอฟต์แวร์ Grammarly, วอยเชค ซาเร็มบา (Wojciech Zaremba) ผู้ร่วมก่อตั้ง OpenAI, อีริค หยวน (Eric Yuan) ผู้สร้างแอปฯ Zoom, พัดมาศรี วอร์ริเออร์ (Padmasree Warrior) อดีต CTO ของ Cisco และ Motorola รวมไปถึงอีลอน มัสก์ ผู้สร้าง SpaceX และชิปฝังสมอง ฯลฯ
พวกเขาทั้งหมดเข้ามาสหรัฐด้วย “วีซ่านักเรียน”
แต่ในปัจจุบัน ภาพเหล่านี้กำลังเปลี่ยนไป “สหรัฐ เคยเป็นแม่เหล็กดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถมาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่สอง และตอนนี้ประเทศกำลังจะสูญเสียคนเก่งไปมากเมื่อเทียบกับที่เคยเป็นมา ซึ่งเป็นเรื่องที่มีผลกระทบอย่างมาก” ไบรอัน ชมิดต์ ศิษย์เก่า Harvard และเป็นนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์แห่งมหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลียกล่าว
“สิ่งนี้จะจำกัดความสามารถของสหรัฐในการเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมของโลก และประเทศอื่น ๆ จะเร่งแซงหน้าไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งนั่นแย่มากสำหรับอเมริกาและประชาชน” ชมิดต์เสริม
มีข้อมูลจาก Institute of Education Sciences ที่ชี้ว่า อเมริกาอิงนักศึกษาต่างชาติค่อนข้างสูง โดยในปัจจุบัน “เกือบครึ่งหนึ่ง” ของผู้สำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาเอกและปริญญาโทด้าน STEM (วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์) ในสหรัฐ เป็น “นักศึกษาต่างชาติ”
นอกจากนี้ นักวิชาการในสหรัฐที่เกิดในต่างประเทศ ก็กังวลมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่า ตนอาจตกเป็นเป้าหมายรายต่อไป หากรัฐบาลเพิ่มความเข้มงวดในการปราบปรามผู้ถือวีซ่า
เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ เคเซเนีย เปตรอวา (Kseniia Petrova) นักชีววิทยาชาวรัสเซียซึ่งทำงานอยู่ที่ Harvard Medical School ถูกควบคุมตัวที่ชายแดนสหรัฐ เนื่องจากไม่ได้สำแดงตัวอ่อนกบอย่างถูกต้อง และยังคงสู้คดีกับคำสั่งเนรเทศ
แม้ว่าล่าสุด ศาลได้ระงับคำสั่งทรัมป์ที่เพิกถอนสิทธิรับนักศึกษาต่างชาติของ Harvard แต่ “ผู้ถือไพ่เหนือกว่า” ก็ยังคงเป็นรัฐบาลสหรัฐ เพราะเป็นผู้มีสิทธิให้หรือไม่ให้วีซ่าได้ นั่นหมายความว่า ต่อให้ Harvard อยากรับ แต่ถ้ารัฐบาลไม่ออกวีซ่าให้ ก็ไม่สามารถเข้าสหรัฐได้
หากนโยบายในลักษณะนี้ของทรัมป์ยังคงดำเนินต่อไป และขยายไปยังมหาวิทยาลัยอื่น ๆ ในสหรัฐด้วยแล้ว ก็สุ่มเสี่ยงที่สหรัฐจะสูญเสีย “บัลลังก์” ฮับการศึกษาระดับโลกไปในที่สุด
โอกาสทองเอเชีย ได้ตัวคนเก่ง
ในวิกฤติย่อมเกิดโอกาส ทันทีที่ทรัมป์ขัดแย้งกับ Harvard อย่างรุนแรง ตัดงบวิจัยและการศึกษาต่าง ๆ ไปจนถึงระงับการออกวีซ่านักเรียนทั่วโลก มหาวิทยาลัยทั่วโลกนอกสหรัฐ ก็ช่วงใช้จังหวะทองนี้ ดึงบุคลากรมันสมองจากสหรัฐเข้ามา
เริ่มจาก “ฮ่องกง” มหาวิทยาลัย Hong Kong University of Science and Technology ได้ยื่น “ข้อเสนอแบบไม่มีเงื่อนไข” ให้แก่นักศึกษาต่างชาติของ Harvard ในการเข้ามาเรียน
คริสติน ชอย รัฐมนตรีด้านการศึกษาของฮ่องกง เรียกร้องให้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในศูนย์กลางการเงินของจีนแห่งนี้ เปิดต้อนรับนักศึกษาที่มีความสามารถจากทั่วโลก
สำนักงานการศึกษาฮ่องกงระบุว่า ได้ติดต่อกับสมาคมศิษย์เก่าฮาร์วาร์ดแห่งฮ่องกง เพื่อเสนอมาตรการช่วยเหลือนักศึกษาที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงการผ่อนคลายเพดานจำนวนนักศึกษาต่างชาติ เพื่อดึงดูดนักเรียนให้มาศึกษาต่อในฮ่องกงเพิ่มขึ้น
ขณะที่ “ญี่ปุ่น” เรียกร้องให้มหาวิทยาลัยต่าง ๆ เปิดรับนักศึกษาต่างชาติของฮาร์วาร์ด โดยมหาวิทยาลัยโตเกียวประกาศพร้อมรับนักศึกษาฮาร์วาร์ดที่ได้รับผลกระทบ
“สำหรับมหาวิทยาลัยญี่ปุ่น นี่เป็นเรื่องที่ดีและเป็นโอกาสที่ดีมาก” โรเบิร์ต ดูจาริก ผู้อำนวยการร่วมของสถาบันศึกษาความร่วมสมัยแห่งเอเชียกล่าว
“การเปิดรับนักศึกษาต่างชาติเพิ่มมากขึ้น จะเป็นการแสดงให้ชุมชนการศึกษานานาชาติเห็นว่า มหาวิทยาลัยญี่ปุ่นสามารถแข่งขันในระดับสากลได้ พร้อม ๆ กับเป็นการชี้ให้เห็นถึงความโง่เขลาของรัฐบาลสหรัฐชุดนี้” ดูจาริกเสริม
ไม่เพียงเท่านั้น “อาเซียน” ก็มีแนวโน้มได้รับประโยชน์เช่นกัน เมื่อ “อินโดนีเซีย” และ “เวียดนาม” ก็ ต้องการคนเก่งเหล่านี้ เพื่อเพิ่มบทบาทประเทศในห่วงโซ่อุปทานโลก
“เรามองว่านี่คือ ‘โอกาส’ สำหรับเราแน่นอนว่าอยากให้ผู้คนมาที่อินโดนีเซีย” ปันดู ซาห์รีร์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Danantara กองทุนความมั่งคั่งแห่งอินโดนีเซียกล่าว
ขณะเดียวกัน “เวียดนาม” ก็กำลังแก้ไขกฎหมายสัญชาติ เพื่อเปิดทางให้ชาวเวียดนามที่อยู่ต่างประเทศ สามารถพำนักอยู่ในประเทศได้โดยยังคงถือสัญชาติอื่นไว้ได้เช่นเดิม
ไม่เพียงเท่านั้น เวียดนามยังเตรียมออกวีซ่าระยะยาว ยกเว้นวีซ่า รวมถึงสิทธิประโยชน์ทางภาษีและแรงจูงใจอื่น ๆ เพื่อดึงดูดนักลงทุน นักวิทยาศาสตร์ และบุคลากรที่มีความสามารถจากต่างประเทศ ให้ไหลเข้ามาทำงานและลงทุนในเวียดนาม
ขณะเดียวกัน บริษัทบางแห่งก็เริ่มดำเนินการเชิงรุกในการสรรหาคนเวียดนามที่มีประสบการณ์จากต่างประเทศให้กลับมาทำงานที่บ้านเกิด
ยุโรปอ้าแขนรับนักวิจัย แข่งดึงสมองไหลจากสหรัฐ
ในความชุลมุนที่เป็นอยู่ นอกจากเอเชียแล้ว “ยุโรป” ก็ต้องการทรัพยากรบุคคลจากสหรัฐด้วย วอลแฟรม ไวเมอร์ รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมของเยอรมนีกล่าวว่า ฮาร์วาร์ดสามารถจัดตั้ง “วิทยาเขตลี้ภัย” ในเยอรมนีได้
ขณะที่เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้กล่าวเชิญชวนนักวิทยาศาสตร์นานาชาติให้มาทำงานในฝรั่งเศสและยุโรปอย่างแข็งขัน ท่ามกลางวิกฤติการตัดงบวิจัยในสหรัฐ
“ในฝรั่งเศส การวิจัยคือสิ่งสำคัญอันดับแรก นวัตกรรมคือวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์คือขอบฟ้าที่ไร้ขีดจำกัด นักวิจัยชายและหญิงจากทั่วทุกมุมโลก จงเลือกฝรั่งเศส จงเลือกยุโรป!” มาครงกล่าวเชื้อเชิญ
“เมื่อช่วงต้นเดือนนี้” สหภาพยุโรปได้เปิดตัวโครงการมูลค่า 500 ล้านยูโร เพื่อดึงดูดนักวิจัยต่างชาติ ฝรั่งเศสได้จัดสรรงบประมาณ 100 ล้านยูโร เพื่อทำให้ประเทศเป็นสวรรค์แห่งวงการวิทยาศาสตร์ สเปนเพิ่มงบอีก 45 ล้านยูโรสำหรับโครงการจ้างนักวิชาการชั้นนำ และสหราชอาณาจักรกำลังวางแผนเปิดตัวโครงการมูลค่า 50 ล้านปอนด์ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นนโยบายเสริมจากความพยายามของสถาบันต่าง ๆ ในเยอรมนี สวีเดน ออสเตรีย และประเทศอื่น ๆ ในการดึงดูดนักวิทยาศาสตร์ด้วยตำแหน่งงานใหม่ เงินทุนพิเศษ และการออกวีซ่าที่รวดเร็วกว่าเดิม
“ถึงนักศึกษาจากฮาร์วาร์ดและมหาวิทยาลัยอเมริกันอื่นๆ ผมขอบอกว่า พวกคุณจะได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นในเยอรมนี” ไวเมอร์กล่าว
อ้างอิง: independent, nikkei, france24, bloomberg, scmp, csis, Business, bbc







