ภาษีทรัมป์กระทบ ‘ไทยยูเนี่ยน – เดลต้า’ หวั่นสินค้าจีนทะลักซ้ำ กดดันกำไร

‘ภาษีทรัมป์’ สะเทือนถึงธุรกิจส่งออกอาเซียน ‘ไทยยูเนี่ยน’ และ ‘เดลต้า อีเลคโทรนิคส์’ ต่างได้รับผลกระทบชัดเจนจากภาษีนำเข้า ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนคลื่นสินค้าราคาถูกจากจีนกำลังซัดซ้ำ กดดันทั้งยอดขาย และกำไรในระลอกต่อไป
แม้ว่าล่าสุด ศาลการค้าสหรัฐได้สั่งห้าม ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ รีดภาษีนำเข้าจากทั่วโลก แต่ดูเหมือนรัฐบาลทรัมป์ “ไม่ยอม” และอาจประวิงเวลา พร้อมเตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อ
สำหรับผลกระทบจากภาษีทรัมป์ที่ผ่านมา เว็บไซต์นิกเคอิ เอเชียรายงานว่า “ไทยยูเนี่ยน” ผู้ผลิตปลาทูน่ากระป๋องรายใหญ่ ได้ปรับลดคาดการณ์รายได้ลง ขณะที่ “เดลต้า แห่งประเทศไทย” ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ก็เตือนถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหลังเดือนกรกฎาคม
ไทยยูเนี่ยน ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ “Chicken of the Sea” ในสหรัฐ ได้ปรับลดเป้าการเติบโตของยอดขายตลอดปี (สิ้นสุดเดือนธันวาคม) จากเดิมที่คาดไว้ 3%-4% เหลือเพียง 1%-3% โดยอิงจากการเก็บภาษีนำเข้าร้อยละ 10 ครอบคลุมสินค้าทั้งหมด ที่ทรัมป์ประกาศเมื่อช่วงต้นเดือนเมษายน
การปรับเปลี่ยนดังกล่าว จะส่งผลให้ยอดขายลดลงมากถึงราว 27 ล้านดอลลาร์ หรือราว 900 ล้านบาท บริษัทระบุว่า จะปรับลดการลงทุนประจำปีลงมากถึง 2,000 ล้านบาท เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของสภาพคล่องเงินสด
“ตลาดอเมริกาเหนือ” โดยเฉพาะสหรัฐ คิดเป็นประมาณ 40% ของยอดขายทั้งหมดของไทยยูเนี่ยน บริษัทเติบโตจากการแปรรูปอาหารทะเลที่จับได้จากมหาสมุทรอินเดีย และแปซิฟิก แล้วส่งออกไปยังสหรัฐ
ทั้งนี้ “สหรัฐ” ยังเป็นตลาดหลักของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงของไทยยูเนี่ยน ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่กำลังเติบโตใหม่ ในเดือนพฤศจิกายน ที่ผ่านมา บริษัทได้ประกาศแผนเพิ่มยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงขึ้น 80% จากระดับปัจจุบัน ให้แตะ 7,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 2.3 แสนล้านบาท ภายในสิ้นปี 2030 อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวอาจตกอยู่ในความเสี่ยงในขณะนี้
ที่ผ่านมา บริษัทต่างๆ ในอาเซียนที่เน้นการส่งออก สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วจากการใช้ประโยชน์จากต้นทุนแรงงานที่ต่ำของภูมิภาค และการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐ แต่ภาษีศุลกากรของทรัมป์ กำลังบีบบังคับให้บริษัทเหล่านี้ต้องกลับมาทบทวนกลยุทธ์ของตนใหม่
นอกจากนี้ ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน วิคเตอร์ เจิ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ “เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ ประเทศไทย” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่จากไต้หวัน กล่าวในการแถลงข้อมูลแก่นักลงทุนว่า นโยบายภาษีสหรัฐ อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ “เดือนกรกฎาคม” เป็นต้นไป
ยอดขายในไตรมาสแรกของบริษัทเพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อยู่ที่ 42,700 ล้านบาท โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการชิ้นส่วนเซิร์ฟเวอร์สำหรับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะคำสั่งซื้อจาก Nvidia ผู้ผลิตชิป AI รายใหญ่ของสหรัฐ ซึ่งดูเหมือนจะเติบโตอย่างโดดเด่น
เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ ประเทศไทย คาดว่า แนวโน้มความต้องการจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปจนถึงเดือนมิถุนายน จากคำสั่งซื้อเร่งด่วนในช่วงโค้งสุดท้าย ก่อนที่การชะลอเก็บภาษีเพิ่มเติม จะสิ้นสุดลงในเดือนกรกฎาคม หลังจากนั้น วิคเตอร์ เจิ้ง ระบุว่า หากอัตราภาษีเกิน 15% ลูกค้าจะไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้
"อย่างไรก็ตาม ความคืบหน้าในการเจรจากับสหรัฐของแต่ละประเทศในอาเซียนนั้นแตกต่างกัน และเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ว่า จะเกิดอะไรขึ้นหลังเดือนกรกฎาคม” ผู้บริหารของบริษัทการค้าญี่ปุ่นรายหนึ่งในไทยกล่าว "เป็นไปได้ยากที่ภาษีนำเข้าของเวียดนาม และไทย ซึ่งมีดุลการค้าร่วมกับสหรัฐในระดับสูง จะถูกลดลงจนเหลือศูนย์"
ด้านโทรุ นิชิฮามะ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัยไดอิจิ ไลฟ์ ของญี่ปุ่น กล่าวว่า “หลังจากความต้องการเร่งด่วนในช่วงก่อนหน้าสิ้นสุดลง จะเกิดภาวะชะลอตัวตามมา และการหลั่งไหลเข้ามาของสินค้าราคาถูกจากจีน จะสร้างแรงกดดันทั้งต่อยอดขาย และผลกำไร”
อ้างอิง: nikkei
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์






