‘มาเลเซีย’ พระเอกของอาเซียน? | กันต์ เอี่ยมอินทรา

‘มาเลเซีย’ พระเอกของอาเซียน? | กันต์ เอี่ยมอินทรา

"มาเลเซีย" พระเอกของอาเซียน? ท่ามกลางปัญหาความมั่นคงภายในภูมิภาค และการกับมาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ทำให้ระเบียบโลกเปลี่ยนแปลงไป

น่าจะพูดได้ว่าเป็นเวทีการประชุมผู้นำโลกที่ถูกจับตามองอย่างมากสำหรับ ASEAN summit ในรอบนี้ที่มีมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ

มิใช่เพียงเพราะเหตุผลเรื่องความมั่นคงภายในภูมิภาคอย่างปัญหาของพม่า หรือสงครามที่ห่างไกลอย่างการสู้รบในยูเครน แต่เป็นเพราะการเข้ามาดำรงตำแหน่งของทรัมป์ที่ทำให้ระเบียบโลกเปลี่ยนแปลงไป และหนึ่งในหัวใจที่สำคัญที่สุดในปัจจุบันที่อาเซียนให้ความสนใจ คือ การค้า ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก เกิดความผันผวนไม่แน่นอนสูงมาก

ใครจะรู้ว่า อาเซียนที่ตั้งมาเกือบ 60 ปีที่ ภายใต้ร่มเงาความช่วยเหลือจากสหรัฐเพื่อขจัดป้องปรามภัยคอมมิวนิสต์จะกลายเป็นกลุ่มประเทศขนาดใหญ่ ทั้งในเชิงประชากรที่รวมกันถึง 600 ล้านคน จะเป็นรองก็แค่จีนและอินเดีย กับขนาดเศรษฐกิจกว่า 10.2 ล้านล้านดอลลาร์

และใครจะคาดเดาได้ว่าประชาคมที่ครั้งหนึ่งเกิดขึ้นเพื่อต้านภัยศัตรูของสหรัฐ กลับต้องรวมตัวกันอย่างสามัคคีอีกครั้งเพื่อรับมือจากภัยของสหรัฐเอง อาเซียนและอีกหลายประเทศ อาทิ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ที่เคยถูกมองว่าเป็นพันธมิตรที่แนบแน่นของสหรัฐ จะกลายมาเป็นเสมือนคู่ค้าขายคนแปลกหน้าเพียงชั่วข้ามคืน

และนี่คือเหตุผลว่าทำไมการประชุมครั้งนี้จึงสำคัญต่อภูมิภาคมาก เพราะภัยจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนนั้นย่อมกระทบอาเซียนอย่างมาก และถือเป็นปัญหาโดยตรงของภูมิภาค ไม่นับรวมการขึ้นภาษีทีเล่นทีจริงที่สหรัฐทำกับทุกประเทศ และนี่คือเหตุผลที่ทำไมมาเลเซียในฐานะประธานอาเซียนจึงเล่นบทผู้นำ เรียกร้องความปรองดองรวมกลุ่มเพื่อประสานแรงอำนาจต่อรอง

และก็ต้องปรบมือให้ อันวาร์ บิน อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย ที่ดูแล้วก็เหมาะสมที่สุดในบทผู้นำนี้ เพราะอันวาร์นั้นเป็นนักการเมืองรุ่นเก๋า เคยเป็นมือขวาของอดีตนายกฯ มหาธีร์ ผู้สร้างชาติมาเลเซีย มีทั้งความรู้ ประสบการณ์ และคอนเนกชัน ขณะที่ผู้นำประเทศที่เหลือล้วนเป็นรุ่นที่ 2 อาทิ กัมพูชา ฟิลิปปินส์ ไทย ไม่ก็ผู้นำรุ่นใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์ อาทิ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย

มาเลเซียใช้ความได้เปรียบทั้งเรื่องของความเป็นกลาง ความสนิทสนมที่มีระยะกับจีน ความใกล้ชิดกับอินเดีย และอัตลักษณ์ความเป็นอิสลาม เพื่อแสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง ไม่เพียงเฉพาะแต่ภายใน 10 ประเทศสมาชิก แต่ยังรวมถึงกลุ่มเศรษฐกิจและประเทศอื่นๆ ด้วย ดังเห็นได้จากการจัดประชุมสามฝ่ายระหว่าง ASEAN จีน และกลุ่มประเทศตะวันออกกลางรอบอ่าวเปอร์เซีย

และมาเลเซียก็ถือได้ว่ามีภาษีที่ดีกว่าหลายประเทศในภูมิภาค ถึงแม้การเมืองจะไม่มั่นคงเหมือนในอดีต แต่ระบอบประชาธิปไตยก็มีความมั่นคงกว่าหลายประเทศในภูมิภาค เป็นประเทศขนาดกลางค่อนไปทางใหญ่ มีเศรษฐกิจที่ดี ภาพลักษณ์ไม่แย่ ผู้นำก็มาตามระบบ มิใช่สืบทอดอำนาจ เป็นเผด็จการ หรือเป็นดอกผลของระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบที่บูดเบี้ยว

ไม่ว่าผลลัพธ์เนื้อหาจะเป็นอย่างไร จำต้องรอติดตามในอีกไม่กี่วันที่จะถึงนี้ แต่สิ่งที่แน่นอนคือการส่งสารไปยังประเทศใหญ่ๆ โดยเฉพาะสหรัฐ ว่าอาเซียนที่เคยเป็นลูกไก่ในกำมือ บัดนี้ เกือบ 60 ปีผ่านไป ลูกไก่ได้เติบโต มีปัญญา มีความสามารถ และที่สำคัญมีความสามารถพอที่จะหาทาง “สู้มือ” สหรัฐ ได้แล้ว