ชม ชิม ช้อป‘เปรูพาวิลเลียน’ THAIFEX ANUGA Asia 2025 l World Pulse

ชม ชิม ช้อป‘เปรูพาวิลเลียน’   THAIFEX ANUGA Asia 2025 l World Pulse

เห็นเขาพูดกันจังเรื่องพาวิลเลียน เมาธ์กันว่าต้นกล้วยเหี่ยวบ้างล่ะ ไม่มีอะไรให้ดูบ้างล่ะ สัปดาห์นี้ World Pulse จะพาไปชมพาวิลเลียนเหมือนกัน แต่เป็นของประเทศเปรูในงาน THAIFEX ANUGA Asia 2025 งานแสดงสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่และครบวงจรที่สุดในเอเชีย

เที่ยวงานไทยเฟ็กซ์ปีนี้ World Pulse ได้รับเกียรติจาก เซซิเลีย ซูนิลดา กาลาร์เรตา บาซัน (Cecilia Zunilda Galarreta Bazán) เอกอัครราชทูตเปรูประจำประเทศไทย นำชมเปรูพาวิลเลียนอลังการ ท่านทูตเผยว่า ปีนี้เป็นปีที่ 11 แล้ว ที่เปรูได้เข้าร่วมงานTHAIFEX ANUGA Asia 2025 และที่สำคัญไปกว่านั้นคือเป็นปีครบรอบ 60 ปีการสถาปนาทางการทูตระหว่างเปรูกับไทย

“การที่เปรูมาร่วมงานไทยเฟ็กซ์อย่างต่อเนื่องเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะแสดงผลิตภัณฑ์อาหารของแท้ที่มีความหลากหลายและคุณภาพสูงให้ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้เห็น” ท่านทูตกล่าวและว่า ปีนี้มีบริษัทเข้าร่วม 8 บริษัท นำเสนอสินค้าโดดเด่นหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นธัญพืชและเมล็ดพืชแอนดีส เช่น คีนัว  ผักโขม คะนิวา และผงมาคา พืชตระกูลถั่วอย่างถั่วลิมา ถั่วแขก ถั่วลันเตา ถั่วเขียว ถั่วแดง ถั่วดำ ผลิตภัณฑ์โกโก้หลายประเภท ผลไม้แช่แข็ง ผลไม้แห้ง และผลไม้สด เช่น อะโวคาโด สตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ องุ่นแดง/เขียว และสินค้าอื่นๆ เช่น ออริกาโน ผงปาปริก้า ข้าวโพดยักษ์ ข้าวโพดสีม่วง และคุกกี้ปลอดกลูเตน/มังสวิรัติ ชม ชิม ช้อป‘เปรูพาวิลเลียน’   THAIFEX ANUGA Asia 2025 l World Pulse

นอกจากนี้สถานทูตยังได้เป็นพันธมิตรกับ AJETHAI (อาเจไทย) บริษัทไทยต้นกำเนิดในเปรู ผู้นำเสนอเครื่องดื่มหลากหลายในสไตล์เปรูสู่ตลาดไทยมาตั้งแต่ปี 2004 การมีอยู่ของ AJETHAI เน้นย้ำถึงความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและการค้าที่เติบโตขึ้นระหว่างทั้งสองประเทศ

“ปัจจุบันเปรูเป็นซัพพลายเออร์บลูเบอร์รีอันดับหนึ่งในไทย อะโวคาโด อันดับสอง และองุ่นอันดับห้า เป้าหมายของเราคือยกสถานะและขยายตลาดในเอเชีย นำเสนอสินค้าระดับเวิลด์คลาส”

ส่วนการค้าการลงทุนล่าสุดระหว่างไทยกับเปรู ท่านทูตอัปเดตให้ทราบว่าในปี 2024 สองประเทศค้าขายกันรวมแล้วราว 630 ล้านดอลลาร์ ไทยได้เปรียบดุลการค้า ส่วนใหญ่เปรูส่งออกปลาหมึก ซิงค์ และผลไม้สดเป็นหลัก ปลาหมึกยังคงเป็นสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของเปรู รวมทั้งหมดกว่า 40% สถานทูตกำลังทำงานกับทางการไทยเพื่อเปิดตลาดให้กับสินค้าใหม่ๆ อย่างทับทิม

ขณะที่ไทยส่งออกสินค้าไปเปรูมากมายหลายชนิดจากอุตสาหกรรมยานยนต์ ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถขนส่งสินค้า ภาคส่วนนี้คิดเป็น 27% ของการส่งออก ตามด้วยรถตักดิน เครื่องซักผ้า ทูนากระป๋อง และอื่นๆ

 ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อปี 2024 ไทยยังเป็นคู่ค้าใหญ่สุดอันดับสามของเปรูในอาเซียน  ส่วนเปรูเป็นคู่ค้าใหญ่สุดอันดับหกของไทยในลาตินอเมริกา กว่า 60% ของการส่งออกไม่ใช่สินค้าดั้งเดิม ตอกย้ำข้อเท็จจริงที่ว่าศักยภาพของการเติบโตยังมีอีกมาก

“เปรูเป็นหนึ่งในสองประเทศละตินอเมริกาที่มีข้อตกลงการค้าเสรีกับไทย และเรามั่นใจว่าการเจรจาระหว่างกระทรวงการค้าระหว่างประเทศของเราจะเปลี่ยนมันเป็นข้อตกลงที่ครอบคลุม ช่วยเพิ่มการส่งออก ดึงดูดการลงทุนเพิ่ม และเปิดโอกาสใหม่ให้อุตสาหกรรมท้องถิ่นเราสามารถยกระดับเทคโนโลยีและขยายความร่วมมือในภาคส่วนอย่างการท่องเที่ยว เกษตรกรรม และนวัตกรรมได้ ข้อตกลงนี้จะช่วยให้เราเพิ่มความหลากหลายให้กับเศรษฐกิจ ลดการพึ่งพาตลาดเดิมๆ ที่สำคัญที่สุดคือจะทำให้เปรูและไทยใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นในฐานะพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก”

ฟังความสัมพันธ์เปรู-ไทย เท่าที่ท่านทูตว่ามา นับว่าราบรื่น แต่ภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนอันเกิดมาจากการเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ แล้วเปรูกับไทยจะร่วมมือกันอย่างไรได้บ้าง ท่านทูตให้คำตอบที่น่าสนใจว่าเป็นเรื่องสำคัญที่พันธมิตรอย่างเปรูและไทยจะต้องหาหนทางความร่วมมือใหม่ๆ 

ท่านมองบวกว่าแม้มาตรการภาษีสร้างความปั่นป่วนให้กับซัพพลายเชนที่มีมาแต่ดั้งแต่เดิมและทำให้ตลาดโลกผันผวน แต่ก็ได้ตอกย้ำถึงความสำคัญของการบูรณาการในภูมิภาค, สร้างการค้าให้หลากหลาย และกระชับความสัมพันธ์ของเราให้ดียิ่งขึ้น

เปรูและไทยในฐานะเขตเศรษฐกิจที่มีพลวัตในลาตินอเมริกาและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สามารถดำเนินการเชิงรุกเพื่อกระชับการค้าและการลงทุนทวิภาคีได้ เช่น ส่งเสริมข้อตกลงการค้าเสรีแบบครอบคลุม, สนับสนุนให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดเล็กได้เข้าไปมีส่วนร่วมในห่วงโซ่มูลค่าโลก เพิ่มความร่วมมือของภาคส่วนต่างๆ เช่น เกษตรกรรม การแปรรูปอาหาร การผลิต และเศรษฐกิจดิจิทัล

ไม่เพียงเท่านั้นท่านทูตยังแนะนำว่า เราควรลงทุนในกลไกเชิงสถาบันที่ส่งเสริมการพูดคุยระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน มุ่งเน้นการระบุลำดับความสำคัญร่วมกันโดยการสนับสนุนการค้าระหว่างประเทศที่เปิดกว้างบนพื้นฐานของกฎเกณฑ์ร่วมกันผ่านเวทีพหุภาคี เช่น เอเปคหรือองค์การการค้าโลก เท่ากับว่าเราได้เสริมสร้างความมุ่งมั่นของเราต่อระบบการค้าโลกที่มั่นคงและคาดเดาได้

 ช่วงเวลาของความไม่แน่นอนนี้คือโอกาสที่จะจินตนาการความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของเราเสียใหม่ ในฐานะพันธมิตรระยะยาวจากพื้นฐานความไว้เนื้อเชื่อใจ มั่งคั่งร่วมกัน และการพัฒนาอย่างยั่งยืน

“ด้วยการทำงานร่วมกันเปรูและไทยสามารถเป็นต้นแบบความร่วมมืออย่างสร้างสรรค์ภายใต้ภูมิทัศน์ระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงไปทุกขณะได้” ท่านทูตเซซิเลียกล่าวทิ้งท้ายด้วยมุมมองแห่งความหวัง