‘Tencent’ ทุ่มซื้อหุ้น ‘SM Entertainment’ ท่ามกลางกระแส จีนอาจเลิกแบน K-pop

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า “Tencent Music Entertainment Group” บริษัทในเครือของ Tencent Holdings กำลังเข้าซื้อหุ้นเกือบ 10% ในบริษัท “SM Entertainment” จากบริษัท Hybe ต้นสังกัดของวง BTS ซึ่งหุ้นที่เข้าซื้อ คิดเป็นมูลค่าราว 180 ล้านดอลลาร์ หรือราว 5,800 ล้านบาท นับเป็นการลงทุนจากจีนในบริษัทเกาหลีใต้ที่พบได้น้อยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่า จีนอาจ “ยกเลิกมาตรการแบนการแสดงของศิลปิน K-pop” ในแผ่นดินใหญ่ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้บริษัทเกาหลีใต้ เช่น SM Entertainment กลับมาจัดจำหน่ายเพลงในจีนแผ่นดินใหญ่ ผ่านความร่วมมือกับ Tencent ได้อีกครั้ง จนส่งผลให้หุ้นของ SM Entertainment พุ่งขึ้นมากกว่า 7% ในช่วงต้นของการซื้อขายหลังมีข่าวดังกล่าว 

“เรากำลังเห็นสัญญาณเบื้องต้นของความสัมพันธ์เกาหลีใต้-จีน ที่เริ่มดีขึ้น” จอห์น ยู นักวิเคราะห์จาก Citi กล่าวในบันทึกวิเคราะห์ พร้อมเสริมว่า กระแสความเปลี่ยนแปลงกำลังเร่งตัวขึ้น เนื่องจากอี แจ-มยอง ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่มีจุดยืน “สนับสนุนจีน” กำลังขึ้นนำในการสำรวจความคิดเห็นก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ ซึ่งจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า

“เรายังคงเชื่อว่า SM อยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบที่สุดในบรรดา 4 ค่ายเพลง K-pop หลัก สำหรับการกลับมาเปิดช่องทางรายได้จากแฟนคลับในจีนอีกครั้ง เมื่อโอกาสนั้นมาถึง”

ก่อนมีมาตรการแบนวงเกาหลีใต้ “จีน” เคยเป็นหนึ่งในตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ K-pop โดยศิลปินจาก SM Entertainment รวมถึงคู่แข่งอย่าง YG Entertainment เคยจัดคอนเสิร์ต และกิจกรรมในจีนแผ่นดินใหญ่ สร้างรายได้หลายสิบล้านดอลลาร์จากเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลก

แต่ในปี 2016 จีนได้ประกาศใช้มาตรการที่เรียกว่า “แบนกระแสคลื่นเกาหลี” (K-wave ban) เพื่อตอบโต้เกาหลีใต้ที่อนุญาตให้กองทัพสหรัฐ ติดตั้งระบบป้องกันขีปนาวุธที่มีชื่อว่า Thaad หรือ Terminal High-Altitude Area Defense บนแผ่นดินของตน

สำหรับ Tencent ข้อตกลงนี้ ถือเป็นการลงทุนครั้งใหญ่ครั้งแรกในอุตสาหกรรมดนตรีของเกาหลีใต้ในรอบหลายปี โดยปัจจุบัน Tencent ถือหุ้น 4.3% ใน YG Entertainment และถือหุ้น 5.95% ใน Kakao ซึ่งเป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตรายใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ และยังเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดของ SM Entertainment ด้วย
 

อ้างอิง: bloomberg

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์