โพสต์ฉ้อโกงระบาดหนัก 'Meta' ถูกตั้งคำถาม เน้นรายได้เหนือความปลอดภัย?

โพสต์หลอกลวงบน Facebook ยังคงผุดขึ้นเรื่อย ๆ ราวดอกเห็ด แม้ถูกแจ้งลบหลายครั้งแล้วก็ตาม จนสาธารณะตั้งคำถามว่า ‘Meta’ กำลังให้น้ำหนักกับผลประโยชน์ค่าโฆษณา มากกว่าความปลอดภัยของผู้ใช้งานหรือไม่
“โซเชียลมีเดีย” นอกจากเป็นแหล่งความรู้ และความเพลิดเพลินด้วยแล้ว ในเหรียญอีกด้าน กลับแฝงไปด้วย “การหลอกลวงต้มตุ๋น” ไม่น้อย เห็นได้จากโพสต์ Facebook ที่มิจฉาชีพใช้รูปบุคคลอันน่าเชื่อถือ อย่าง ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร หลอกล่อคนทั่วไปให้โอนเงินซื้อคอร์ส
ยิ่งไปกว่านั้น บางเพจถึงขั้นใช้ AI Deepfake เปลี่ยนให้บุคคลสำคัญพูดในสิ่งที่เขาไม่เคยพูดมาก่อนในชีวิตได้ ยังไม่นับรวมโพสต์พนันมาเก๊า 888 เพจปลอมต่าง ๆ ที่แม้ถูกรายงานไปทาง Facebook หลายครั้ง แต่ก็ดูเหมือนว่า การจัดการโพสต์เหล่านี้ยังไม่เร็วพอ ซ้ำร้ายกว่านั้น เพจเหล่านี้ยังคงถูกเห็นว่าบู๊ตโฆษณาด้วย ทั้งที่ถูกแจ้งหลายครั้งแล้วว่าหลอกลวงก็ตาม จน Facebook ถูกวิจารณ์จากสาธารณะอย่างเผ็ดร้อน
ปัญหานี้ไม่ได้เกิดที่ไทยเท่านั้น แม้แต่ที่ต่างประเทศก็เช่นกัน หนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า เป็นเวลาเกือบสองปีแล้วที่เอ็ดการ์ กุซแมน ต้องรับสายลูกค้าหัวเสียที่โทรมาต่อว่าเขาตลอด เพราะ “หลงเข้าใจผิด” ว่าโฆษณาของเขาบน Facebook หลอกลวง แต่แท้จริงแล้ว เป็นโฆษณาที่มิจฉาชีพตั้งเลียนแบบร้านของกุซแมน
บริษัท Half-Off Wholesale ของกุซแมนขายส่งสินค้าปรับปรุงบ้าน และอุปกรณ์ทำสวนจากคลังสินค้าในชานเมืองแอตแลนตา โดยมีวันหนึ่ง มีโฆษณาเหมือนบริษัทเขา ให้ส่วนลดล่อตาล่อใจนักช็อป เช่น กองเครื่องมือไฟฟ้าในราคาเพียง 29 ดอลลาร์
แต่เมื่อลูกค้าจ่ายเงินไป สินค้าเหล่านี้กลับไม่เคยมาถึง และเมื่อโทรมาต่อว่า กุซแมนก็ต้องแจ้งข่าวร้ายว่า “พวกคุณโดนโกงแล้ว”
“ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เราต้องเป็นคนบอกลูกค้าว่าพวกเขาโดนโกง” กุซแมนกล่าว และเสริมว่า “การที่ลูกค้ามาร้องเรียนเรื่องถูกหลอกแบบนี้ ทำให้รีวิวออนไลน์ธุรกิจเราพลอยเสียหายไปด้วย เราแจ้งเรื่องเพจปลอมไปทาง Meta อยู่เรื่อย ๆ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย”
สะสม ‘ใบเตือน’ ได้ 8-32 ครั้ง ก่อนถูกแบน
แม้ว่า Meta มีโครงการมากมายอย่างโลกเสมือน หรือแม้แต่การลงทุนด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) แต่รายได้หลักกว่า 95% กลับมาจาก “โฆษณา” โดยพนักงานบริษัททั้งปัจจุบันและอดีตได้เปิดเผยว่า Meta “ลังเลใจ” ที่จะเพิ่มข้อจำกัดให้กับลูกค้าผู้ซื้อโฆษณา ซึ่งช่วยผลักดันให้ธุรกิจโฆษณาของบริษัทเติบโตถึง 22% ในปีที่ผ่านมา จนมีมูลค่าสูงกว่า 1.6 แสนล้านดอลลาร์ แม้ว่าผู้ใช้เหล่านั้นจะมีประวัติฉ้อโกงก็ตาม Meta ก็ยังคงลังเลที่จะลบบัญชีของพวกเขา
ในเอกสารฉบับหนึ่งช่วงปลายปี 2024 สำนักข่าวเดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลตรวจพบว่า Meta อนุญาตให้ผู้ที่จ่ายโฆษณา สะสม “ใบเตือน” ที่เกิดจากระบบอัตโนมัติ (AI หรืออัลกอริทึม) ได้ 8-32 ครั้งในกรณีฉ้อโกงทางการเงิน ก่อนจะถูกแบนบัญชี
ในกรณีที่พนักงานของ Meta เป็นผู้รายงานปัญหาโดยตรง จำนวนใบเตือนก่อนถูกแบน จะลดลงเหลือระหว่าง 4-16 ครั้ง
อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ปัญหาซับซ้อนขึ้นคือ “Facebook Marketplace” ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายสินค้าออนไลน์ของ Meta ที่เปิดตัวมาไม่ถึงสิบปี ได้กลายเป็น “พื้นที่ล่อลวงยอดนิยม” ของเหล่ามิจฉาชีพอีกด้วย
ด้านโฆษกของ Meta ชี้แจงว่า บริษัทกำลังแก้ไขการหลอกลวงที่แพร่ระบาด ซึ่งรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อันมาจากเครือข่ายอาชญากรรมข้ามพรมแดน
“เมื่อกิจกรรมการหลอกลวงเหล่านี้ยิ่งดื้อดึง และซับซ้อนมากขึ้น ความพยายามของเราก็ยิ่งเข้มข้นขึ้นเช่นกัน” โฆษก Meta กล่าว พร้อมเสริมว่า “Meta กำลังทดสอบการใช้เทคโนโลยีจดจำใบหน้า เพิ่มคำเตือนให้ผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์ม สร้างความร่วมมือกับธนาคารและบริษัทเทคโนโลยี เนื่องจากอาชญากรรมประเภทนี้ ส่งผลกระทบต่อหลายอุตสาหกรรม และเชื่อมโยงกับหลายภาคส่วนของสังคม”
ลดการคุมเนื้อหา ให้น้ำหนักเสรีภาพ
นอกจากประเด็นรายได้โฆษณาแล้ว “การปรับธงนโยบายครั้งใหญ่” ของ Meta เมื่อต้นปีนี้ มาเป็นลดบทบาทตรวจสอบข้อเท็จจริง ลดการควบคุมเนื้อหา และให้น้ำหนักกับเสรีภาพมากขึ้นแทน ได้มีส่วนให้ “โพสต์หลอกลวง” แพร่ระบาดได้ง่ายขึ้นด้วย
อีริน เวสต์ อดีตอัยการเขตซานตาคลาราที่เพิ่งเกษียณ และผู้ร่วมเขียนรายงานด้านการฉ้อโกงของสถาบัน U.S. Institute for Peace กล่าวว่า การที่ Meta หันมาผ่อนปรนมากเกินไป ได้ช่วยส่งเสริมให้เครือข่ายอาชญากรรมในแถบอาเซียน พัฒนาการฉ้อโกงบนโซเชียลมีเดียให้เป็นมืออาชีพมากขึ้น
รายงานดังกล่าวประเมินว่า ขบวนการฉ้อโกงที่เป็นระบบ ซึ่งมักถูกเรียกว่า “แก๊งหลอกหมูขึ้นเขียง” มีสมาชิกหลายแสนคน โดยหลายคนในนั้นถูก “ค้ามนุษย์” หลังจากหลงเชื่อโฆษณาหางานบนโซเชียลมีเดียที่เป็นกลลวง พวกเขาถูกคุมขังให้อยู่ในค่ายคล้ายเรือนจำ และถูกบังคับให้ทำงานเยี่ยงทาส โดยถูกข่มขู่ว่า จะถูกทรมานและถูกทำร้ายอย่างรุนแรง หากไม่เชื่อฟัง
เวสต์เผยว่า การเติบโตอันเลวร้ายนี้ มีต้นเหตุมาจากความเพิกเฉยของ Meta
“ถ้ามีใครสักรายที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้ ก็คือ Meta” เวสต์กล่าว “แต่ตอนนี้ไม่มีแรงกดดันหรืออำนาจใด ๆ คอยควบคุมพวกเขาเลย”
เหมือนเว็บจริงมาก จนป้อนเลขบัตรเครดิตลงไป
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีบัญชีที่รูปภาพคล้ายคุณยาย ได้ลงโฆษณาบน Facebook และ Instagram เกี่ยวกับ “การแจกของรางวัล” ซึ่งคาดว่าเป็น ชั้นวางเครื่องเทศของ McCormick และผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัท ผู้อยากได้จะถูกขอให้ชำระค่าธรรมเนียมในการจัดส่งเล็กน้อยเพียง 9.99 ดอลลาร์ ผ่านเว็บไซต์ที่มีตราสินค้า McCormick
หนึ่งในเหยื่อ คือ มาราห์ จอห์นสันจากเทศมณฑล Orange รัฐแคลิฟอร์เนีย แม้เคยพบเจอและรายงานโพสต์หลอกลวงบน Facebook เป็นประจำมาหลายปี แต่เธอก็ “พลาดท่า” ให้กับกลโกงนี้ หลังจากที่เธอป้อนข้อมูลบัตรเครดิตตัวเองลงในเว็บไซต์ที่มีตราสินค้า McCormick ซึ่งคล้ายเว็บไซต์จริงอย่างยิ่ง เธอก็ถูกเรียกเก็บเงินจากการซื้อที่ฉ้อโกงหลายรายการ รวมเป็นเงินหลายร้อยดอลลาร์
นอกจากนี้ หนึ่งในกลโกงที่ธนาคารพบได้บ่อยที่สุดคือ “การขายสัตว์เลี้ยง” แม้ว่า Meta มีกฎห้ามขายสัตว์เลี้ยงก็ตาม
จากการค้นหาคำว่า “ลูกสุนัข” ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา พบโฆษณานับพันรายการ โดยส่วนใหญ่ไม่ได้ระบุว่าเกี่ยวข้องกับผู้เพาะพันธุ์สุนัขที่ได้รับการรับรอง หรือองค์กรช่วยเหลือสัตว์ตามที่กฎของ Meta กำหนดไว้
อีกทั้งในหลายผลการค้นหา มีลักษณะร่วมที่พบได้บ่อยในกลโกง เช่น การใช้ภาพสัตว์เลี้ยงที่ขโมยมาจากที่อื่น และโฆษณาจากผู้ขายที่อ้างว่าอยู่ “ใกล้ตัวฉัน” แต่ความจริงแล้วดำเนินการอยู่ที่ประเทศ “แคเมอรูน” แอฟริกากลาง ซึ่งเป็นฐานของแก๊งอาชญากรรมไซเบอร์
“หากรายได้ของพวกเขามาจากการฉ้อโกง พวกเขาจะมีแรงจูงใจอะไรในการปกป้องผู้คน?” จอห์นสัน ศิลปินและช่างทำเครื่องประดับวัย 58 ปีตั้งคำถาม “รู้สึกเหมือนว่า Meta กำลังช่วยเหลือพวกนักต้มตุ๋นอยู่เลย”
อ้างอิง: wsj






