BIS เตือนวิกฤติหนี้สาธารณะ! แนะทุกประเทศเร่งฟื้นวินัยการคลัง

BIS เตือนวิกฤติหนี้สาธารณะ! แนะทุกประเทศเร่งฟื้นวินัยการคลัง

ธนาคารเพื่อการชำระหนี้เตือน! ทั่วโลกเผชิญภัยหนี้สาธารณะพุ่งไม่หยุด หลังยุคดอกเบี้ยต่ำจบลง แนะรัฐบาลเร่งฟื้นวินัยการคลัง ก่อนความเชื่อมั่นสาธารณะจะแปรเปลี่ยนเป็นวิกฤติ

“ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ” (BIS) ส่งสัญญาณเตือนรัฐบาลทั่วโลกให้เร่งควบคุม “การเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะ” ซึ่งกำลังพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงเริ่มส่งผลให้เส้นทางการคลังของบางประเทศเข้าสู่ภาวะไม่ยั่งยืน 

อกุสติน คาร์สเตนส์ ผู้จัดการใหญ่ของ BIS ระบุว่า แม้ในอดีต ระดับหนี้และการขาดดุลจำนวนมากจะดูเหมือนสามารถบริหารจัดการได้ ภายใต้ภาวะดอกเบี้ยต่ำหลังวิกฤติการเงินโลก แต่สถานการณ์ในปัจจุบันเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเป็นพิเศษได้จบลงแล้ว รัฐบาลไม่สามารถหลีกเลี่ยงการตัดสินใจยาก ๆ เช่น การปรับลดรายจ่ายหรือเพิ่มภาษีได้อีกต่อไป

“ตลาดเริ่มตระหนักแล้วว่า บางเส้นทางไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างยั่งยืน” เขากล่าว พร้อมเตือนว่า ตลาดการเงินอาจเข้าสู่ภาวะปั่นป่วนได้อย่างฉับพลัน หากเกิดความไม่สมดุลครั้งใหญ่ “นั่นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมหลายประเทศจำเป็นต้องเริ่มปรับวินัยการคลังตั้งแต่ตอนนี้ การประคองตัวไปเรื่อย ๆ ไม่เพียงพออีกต่อไป”

คำเตือนเหล่านี้มีขึ้น หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรในสหรัฐ ญี่ปุ่น และยุโรปปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความคาดหวังของตลาดว่า รัฐบาลของประเทศเหล่านี้จะเพิ่มการใช้จ่าย โดยอาศัยการก่อหนี้เพิ่มขึ้นเป็นแหล่งเงินทุน

คาร์สเตนส์กล่าวว่า “การผิดนัดชำระหนี้สาธารณะ” อาจทำให้ระบบการเงินโลกเกิดความปั่นป่วน และคุกคามเสถียรภาพด้านการเงินการคลัง เนื่องจากธนาคารกลางอาจถูกบีบให้ต้องเข้ามาแบกรับภาระหนี้ของรัฐบาล ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะที่นโยบายการคลังมีอำนาจเหนือกว่านโยบายการเงิน

“ผลลัพธ์ก็คือ เงินเฟ้อจะพุ่งสูงขึ้น และอัตราแลกเปลี่ยนจะอ่อนค่าลงอย่างรุนแรง” เขากล่าว “ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานด้านการคลังจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องควบคุมการเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะที่ไม่หยุดยั้งนี้”

ทั้งนี้ ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) มีเป้าหมายในการส่งเสริมความร่วมมือด้านการเงินและการคลังระหว่างประเทศในกลุ่มธนาคารกลาง และทำหน้าที่เป็นธนาคารของธนาคารกลางต่าง ๆ

คาร์สเตนส์กล่าวว่า หลายประเทศจะเผชิญแรงกดดันให้เพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐมากขึ้น เนื่องจากปัญหาสังคมผู้สูงวัย การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และงบประมาณด้านกลาโหมที่สูงขึ้น

“หน่วยงานด้านการคลัง ต้องแสดงเส้นทางที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือในการรักษาความมั่นคงทางการคลัง ซึ่งควรอยู่บนรากฐานของกรอบนโยบายการคลังที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น และต้องปฏิบัติตามพันธสัญญาเหล่านั้นอย่างจริงจัง” เขากล่าว “ธนาคารกลางไม่ควรเป็นผู้เล่นเพียงรายเดียวในสนามนี้”

สำหรับนโยบายการเงิน คาร์สเตนส์กล่าวว่า ไม่ควรคาดหวังให้ธนาคารกลางสามารถรักษาเสถียรภาพของเงินเฟ้อได้ ไม่ว่าภายในช่วงเวลาสั้น ๆ และในกรอบที่แคบเกินไป

“เรื่องนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะตามที่เหตุการณ์ในช่วงหลังแสดงให้เห็น เงินเฟ้อส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับปัจจัยที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของธนาคารกลาง” เขากล่าว


อ้างอิง: reuters