จีนเร่งทำแผน 'Made in China' ใหม่ ท้าทายสหรัฐ - ยึดฐานการผลิตโลก

"รัฐบาลจีน" กำลังยกร่างยุทธศาสตร์การผลิตฉบับใหม่ที่มุ่งเน้นเทคโนโลยีขั้นสูง และอุปกรณ์ผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์ ขณะที่ "สหรัฐ" พยายามดึงโรงงานกลับประเทศ
รัฐบาลจีน ภายใต้การนำของ ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง กำลังเตรียมแผนยุทธศาสตร์การผลิตฉบับใหม่ที่มุ่งเจาะเทคโนโลยีชั้นสูง แผนที่เรียกว่า "Made in China 2025" เป็นแผนริเริ่มเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมจีนอย่างครอบคลุม โดยได้แรงบันดาลใจโดยตรงจากแผน "Industry 4.0" ของเยอรมนี
แหล่งข่าวของบลูมเบิร์ก เผยว่า เจ้าหน้าที่จีนกำลังจัดทำแผนใหม่สำหรับทศวรรษหน้า โดยให้ความสำคัญกับเทคโนโลยี และอุปกรณ์การผลิตชิปคอมพิวเตอร์เป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม แผนใหม่นี้อาจไม่ใช้ชื่อที่คล้ายคลึงกับชื่อเดิมเพื่อหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์จากประเทศตะวันตก
เทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์เป็นหัวใจ
การเน้นย้ำของจีนต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เกิดขึ้นหลังจากการจำกัดการส่งออกที่นำโดยสหรัฐ เป็นเวลาหลายปี ประเทศจีนมีอัตราการพึ่งพาตนเองสำหรับอุปกรณ์ที่สามารถผลิตชิปขนาด 7 นาโนเมตร หรือเล็กกว่านั้นยังคงต่ำกว่า 10%
เครื่องจักรเหล่านี้ โดยเฉพาะเครื่องมือลิโธกราฟี (เครื่องมือที่นำมาใช้สร้างลวดลายเซนเซอร์) ชั้นนำของ ASML ซึ่งมีราคาหลายร้อยล้านดอลลาร์ต่อเครื่อง มีความจำเป็นต่อการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงที่ใช้ในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์
จีนยังคงเป็นผู้นำในการลงทุนด้านอุปกรณ์ผลิตชิปใหม่มากกว่าภูมิภาคอื่นใดในปี 2025 แม้จะมีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากปีก่อน ขณะที่ ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์อย่างจีน เกาหลีใต้ และไต้หวัน คาดว่าจะใช้จ่ายเป็นประวัติการณ์ 4 แสนล้านดอลลาร์สำหรับอุปกรณ์ผลิตชิปในช่วง 2025-2027
ความสำเร็จของแผนเดิม
การวิจัยโดย Bloomberg Economics และ Bloomberg Intelligence แสดงให้เห็นว่า แผน Made in China 2025 ประสบความสำเร็จอย่างมาก จากเทคโนโลยีหลัก 13 รายการที่ติดตามโดยบลูมเบิร์ก พบว่า จีนบรรลุตำแหน่งผู้นำระดับโลกใน 5 รายการ และกำลังตามทันอย่างรวดเร็วในอีก 7 รายการ
ความมั่นใจของจีนในยุทธศาสตร์การพัฒนาเทคโนโลยีมีการเสริมแรงจากความก้าวหน้าของ DeepSeek ด้านปัญญาประดิษฐ์ในช่วงต้นปี 2025 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถของจีนในการพัฒนาเทคโนโลยีชั้นสูงแม้จะเผชิญกับข้อจำกัดจากต่างประเทศ
ผู้จัดทำนโยบายจากปักกิ่งที่กำลังเตรียมแผนห้าปีฉบับต่อไปซึ่งจะเริ่มในปี 2026 มองหาแนวทางในการรักษาสัดส่วนของการผลิตในผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศให้อยู่ในระดับเสถียรในระยะกลางถึงระยะยาว การดำเนินการดังกล่าวเน้นย้ำให้เห็นว่าการปรับสมดุลเศรษฐกิจของจีนที่สหรัฐอเมริกาต้องการอาจเป็นไปได้ยาก
บทวิเคราะห์ของบลูมเบิร์ก เผยว่า สำหรับการพิจารณาการกำหนดเป้าหมายเชิงตัวเลขของการบริโภคในแผนห้าปีต่อไปของจีน เจ้าหน้าที่มีแนวโน้มที่จะไม่กำหนดเป้าหมายดังกล่าว เนื่องจากหน่วยงานในประเทศ มีความกังวลว่าขาดเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการกระตุ้นการใช้จ่ายของครัวเรือน และไม่ต้องการผูกมัดตนเองกับตัวเลขที่เฉพาะเจาะจง
ความตึงเครียดทางการค้า และการเจรจา
ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีน และสหรัฐอเมริกามีพัฒนาการที่น่าติดตาม โดยสหรัฐ ได้ขึ้นภาษีสินค้าจีนไปถึง 145% ในเดือนเมษายน ก่อนที่จะลดอัตราเฉลี่ยลงเหลือประมาณ 40% หลังจากการเจรจาในเจนีวาเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ระหว่างการเยือนโรงงานลูกปืนในมณฑลเหอหนานว่า "เราต้องเสริมความแข็งแกร่งให้ภาคการผลิตต่อไป ยึดมั่นในหลักการพึ่งพาตนเอง และการพัฒนาตนเอง และเชี่ยวชาญเทคโนโลยีหลักที่สำคัญ"
เนื้อหาของแผนเหล่านี้ยังคงอยู่ในระหว่างการอภิปราย และอาจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากก่อนที่จะเปิดเผย แผนห้าปีจะเปิดเผยต่อสาธารณะในการประชุมสภานิติบัญญัติประจำปีครั้งต่อไปในเดือนมีนาคม 2026 ขณะที่พิมพ์เขียวการผลิตฉบับต่อไปอาจเปิดเผยได้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะก่อนหรือหลังการประชุมดังกล่าว
อ้างอิง: Bloomberg
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







