'ลาว' เผชิญค่าไฟพุ่ง เสี่ยงฉุดตำแหน่งแบตเตอรี่แห่งเอเชีย

สื่อชี้การใช้ไฟพุ่งและค่าเงินกีบอ่อนค่า ทำให้ 'ลาว' เผชิญปัญหาไฟฟ้าแพง โซเชียลโอดค่าไฟพุ่งเกือบ 50% ขณะที่รัฐบาลขึ้นค่าไฟรายเดือนปีนี้ถึงปีหน้า และมีแผนทยอยขึ้นราคายาวไปถึงปี 2029
สำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานว่า ความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นและค่าเงินกีบที่อ่อนค่าลง ทำให้ราคาไฟฟ้าในลาวพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก และอาจส่งผลให้รัฐบาลพยายามเปลี่ยนประเทศให้เป็น "แบตเตอรี่แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" น้อยลง
ในโซเชียลมีเดีย ผู้คนต่างโพสต์รูปค่าไฟฟ้าของตนเองด้วยความตกใจที่ค่าไฟแพงขึ้นมาก โดยมีโพสต์หนึ่งบ่นว่าค่าไฟฟ้าพุ่งสูงขึ้นเกือบ 50% ในเดือนนี้ เป็นประมาณ 2.7 ล้านกีบ (ราว 125 ดอลลาร์/ 4,060 บาท) สำหรับเดือนเมษายน
ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัฐบาลเวียงจันทน์ได้ประกาศแผนที่จะขึ้นราคาไฟฟ้าทีละน้อยจนถึงปี 2029 ซึ่งรวมถึงการขึ้นราคารายเดือนในปี 2025 และ 2026 โดยคาดว่าครัวเรือนจะต้องจ่ายค่าไฟหน่วยละ 1,724 กีบต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง (ประมาณ 2.6 บาท) ภายในเดือนธันวาคม 2026 ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจากอัตราในเดือนมกราคมที่ผ่านมา
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ "ความต้องการใช้ไฟฟ้า" ในลาวพุ่งสูงขึ้น โดยครัวเรือนมีการซื้อเครื่องปรับอากาศและเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ มากขึ้น ขณะที่ภาคธุรกิจต่างๆ ก็เร่งดำเนินกิจกรรมต่างๆ มากขึ้นเช่นกัน ซึ่ง ณ สิ้นปี 2567 มีบริษัทจดทะเบียนในลาวประมาณ 21,300 แห่ง ซึ่งถือเป็นจำนวนสูงสุดในรอบ 10 ปี
"หนี้ต่างประเทศ" ยังเป็นอีกปัจจัยหนึ่ง โดยลาวซึ่งผลิตไฟฟ้าราว 70% จากพลังงานน้ำ ใช้เงินกู้จากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ในการดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐาน แต่ค่าเงินกีบที่อ่อนค่าลงทำให้เพิ่มต้นทุนหนี้ต่างประเทศและทำให้รัฐบาลต้องส่งต่อต้นทุนไปยังผู้บริโภค
ด้วยแรงกดดันจากภาระหนี้ต่างประเทศ ทำให้ค่าเงินกีบอ่อนค่าลงมากกว่า 10% ในรอบหนึ่งปี อยู่ที่ 660 กีบต่อบาทไทย ณ วันพุธที่ผ่านมา จากเรตที่ประมาณต่ำกว่า 580 กีบต่อบาทไทย เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว







