‘UAE’ ม้ามืดดาวรุ่ง AI สร้าง ‘ศูนย์ AI ใหญ่ที่สุด’ พร้อมเปิดตัว AI สัญชาติอาหรับ ท้าชนยักษ์ใหญ่

จับตา ‘UAE’ ม้ามืดที่กำลังผงาดเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาด AI ด้วยบทบาทนำของ ‘อัล นาห์ยาน’ ตระกูลที่รวยที่สุดอันดับ 2 ของโลก ผนึกกำลังทำดีล AI ครั้งประวัติศาสตร์กับสหรัฐ เพื่อสร้างศูนย์ AI ที่ใหญ่ที่สุด พร้อมได้เข้าถึงชิป Nvidia สุดล้ำในจำนวนมหาศาล
KEY
POINTS
- ทรัมป์มีข้อตกลงร่วมกับ UAE สร้าง “ศูนย์ข้อมูล AI ใหญ่ที่สุดนอกสหรัฐ” ในขนาด 5 กิกะวัตต์ โดยจะได้รับการช่วยเหลือจาก OpenAI, Oracle, Nvidia และ Cisco
- UAE จับมือกับ Nvidia และรัฐบาลฝรั่งเศส เพื่อจัดตั้ง “ศูนย์ข้อมูล AI ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป” ขนาด 1.4 กิกะวัตต์ ใกล้กรุงปารีส
- UAE เปิดตัว “Falcon H1” ซึ่งเป็นโมเดลขนาดเล็กที่ทางสถาบันระบุว่า สามารถทำงานได้ดีกว่าโมเดลขนาดใกล้เคียงกันจากบริษัท Meta และ Alibaba Group
ในศึกปัญญาประดิษฐ์ที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด นอกจากผู้เล่นหลักจากสหรัฐ จีน และยุโรปแล้ว ม้ามืดมาแรงตัวที่ 4 อาจเป็น “สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” (UAE) ซึ่งมีผู้นำคือ “อัล นาห์ยาน” ตระกูลครอบครัวที่รวยที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก ด้วยความมั่งคั่งกว่า 323,900 ล้านดอลลาร์ หรือราว 10 ล้านล้านบาท เป็นรองเพียงครอบครัววอลตันที่เป็นเจ้าของห้าง Walmart
เหตุผลเพราะ หลังจากปธน.ทรัมป์เยือน 3 ประเทศในตะวันออกกลาง อันได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ และ UAE หนึ่งใน 3 ประเทศอย่าง “UAE” ได้มีข้อตกลงสุดพิเศษกับสหรัฐขึ้น
ข้อแรก ทรัมป์มีข้อตกลงร่วมกับ UAE สร้าง “ศูนย์ข้อมูล AI ใหญ่ที่สุดนอกสหรัฐ” ในขนาด 5 กิกะวัตต์ ที่กรุงอาบูดาบีของ UAE โดยจะได้รับการช่วยเหลือจากบริษัทเทคโนโลยี OpenAI, Oracle, Nvidia และ Cisco
ข้อที่สอง ทรัมป์เปิดไฟเขียวให้ UAE สามารถเข้าซื้อชิป Nvidia H100 สุดล้ำยุคได้ ในจำนวนที่สูงถึง 500,000 ชิ้นต่อปี ซึ่งเป็นการพลิกนโยบายเดิมแบบ 180 องศาจากยุคไบเดน ที่จำกัดจำนวนและรุ่นชิปที่ขาย เพราะเกรงว่าอาจรั่วไหลไปสู่มือจีน
- ปธน.ทรัมป์สนทนากับปธน.ชีค โมฮัมเหม็ด บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน แห่ง UAE (เครดิต: Reuters) -
ไม่เพียงเท่านั้น “MGX” บริษัทด้านการลงทุนของรัฐบาล UAE ยังได้รับความไว้วางใจจากยุโรป ด้วยการได้ร่วมจับมือกับบริษัทชิปยักษ์ “Nvidia” และ Bpifrance SACA บริษัทลงทุนของรัฐบาลฝรั่งเศส รวมถึง “Mistral AI” บริษัท AI สัญชาติฝรั่งเศส เพื่อจัดตั้ง “ศูนย์ข้อมูล AI ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป” ขนาด 1.4 กิกะวัตต์ ใกล้กรุงปารีส
ขณะเดียวกัน UAE ก็ประกาศลงทุน 50,000 ล้านยูโร (ราว 1.8 ล้านล้านบาท) ในศูนย์ข้อมูลของฝรั่งเศส และมีแผนลงทุนในสหรัฐสูงถึง 1.4 ล้านล้านดอลลาร์ (ราว 45 ล้านล้านบาท) ในช่วง 10 ปี
ถือเป็นดีลผลประโยชน์ต่างตอบแทนกัน สหรัฐได้กองเงินมหาศาลจาก UAE ในการขยายขีดความสามารถด้าน AI ไม่ว่าจะเป็นการสร้างเครือข่ายฐานข้อมูล ระบบระบายความร้อนชิปด้วยน้ำ ไปจนถึงแหล่งกำเนิดพลังงาน ซึ่งเม็ดเงินเหล่านี้ยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจอเมริกาอีกด้วย
ขณะสิ่งที่ UAE จะได้ คือ “การลงทุนซื้ออนาคต” ซึ่งก็คือความรู้ในการสร้าง AI จากสหรัฐนั่นเอง
ล่าสุด สถาบันนวัตกรรมเทคโนโลยีของรัฐบาล UAE ได้เปิดตัว “โมเดลปัญญาประดิษฐ์ภาษาอาหรับ” ตัวใหม่ที่ทรงพลัง ในชื่อว่า “Falcon Arabic” อีกทั้งยังได้เปิดตัว “Falcon H1” ซึ่งเป็นโมเดลขนาดเล็กที่ทางสถาบันระบุว่า สามารถทำงานได้ดีกว่าโมเดลขนาดใกล้เคียงกันจากบริษัท Meta และ Alibaba Group
ยิ่งได้ดีลร่วมมือด้าน AI กับสหรัฐด้วยแล้ว เป็นไปได้ว่า ความล้ำหน้าด้าน AI ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อาจรุดหน้ามากยิ่งขึ้นในการก้าวเป็น “ผู้เล่นสำคัญในตลาด AI ระดับโลก” ซึ่งถือเป็นโอกาสที่น่าจับตามอง
อัล นาห์ยานกับวิสัยทัศน์ด้าน AI
“สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์” (UAE) ดินแดนอุดมด้วยขุมทรัพย์น้ำมันและก๊าซมหาศาลแห่งนี้ มีการปกครองในรูปแบบ “สหพันธรัฐ” ซึ่งประกอบด้วย 7 รัฐ แต่ละรัฐมี “เจ้าผู้ครองรัฐ” (Emir) เป็นผู้ปกครอง
ในจำนวน 7 รัฐนี้ “อาบูดาบี” (Abu Dhabi) โดดเด่นเป็นพิเศษด้วยขนาดที่ใหญ่ที่สุด โดยครอบคลุมพื้นที่ถึง 87% ของประเทศ อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของเมืองหลวง และจะกลายเป็น “ศูนย์กลาง AI ที่ใหญ่ที่สุดนอกสหรัฐ” ในอนาคตอันใกล้
- 7 รัฐใน UAE (เครดิต: Shutterstock) -
ตำแหน่งประธานาธิบดีแห่ง UAE จะถูกเลือกจาก 1 ใน 7 เจ้าผู้ครองรัฐ และด้วยธรรมเนียมที่สืบทอดกันมา เจ้าผู้ครองรัฐอาบูดาบีมักจะได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งนี้ ปัจจุบันคือ “ชีค โมฮัมเหม็ด บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน” (Sheikh Mohammed bin Zayed Al Nahyan) ผู้นำตระกูลอัล นาห์ยาน
สำหรับดีล AI และการลงทุนครั้งใหญ่กับสหรัฐนี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย หากขาดตระกูล “อัล นาห์ยาน” หลายคนอาจเข้าใจว่า ตระกูลนี้ร่ำรวยจากน้ำมัน ซึ่งเป็นความจริงส่วนหนึ่ง เพราะ UAE มีปริมาณน้ำมันสำรองสูงถึงราว 6% ของโลก แต่สิ่งสำคัญที่ขับเคลื่อนให้ตระกูลนี้มั่งคั่งขึ้นไปอีกขั้นคือ “การลงทุน”
ในยุคที่เทรนด์น้ำมันอยู่ในขาลง สวนทางพลังงานสะอาดที่เป็นขาขึ้น จากภัยคุกคามด้านโลกร้อน หากพึ่งพาแต่น้ำมัน อนาคตก็อาจลำบากได้ เหล่าประเทศอาหรับจึงพากันกระจายความเสี่ยงจากน้ำมัน ด้วย “การลงทุน” ในพลังงานสะอาด นวัตกรรม และรวมถึง AI
- อาบูดาบี, UAE (เครดิต: Shutterstock) -
จากน้ำมัน สู่เป้าหมายผู้นำ AI แห่งตะวันออกกลาง
ตระกูลอัล นาห์ยานไม่ได้จำกัดการลงทุนอยู่แค่ในประเทศ พวกเขาลงทุนอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่การเข้าเป็นเจ้าของสโมสรแมนเชสเตอร์ ซิตี้ในอังกฤษ อสังหาริมทรัพย์ในสหราชอาณาจักร ลงทุนในธุรกิจการเงิน ธุรกิจหุ่นยนต์ ดาวเทียม SpaceX ของอีลอน มัสก์ และล่าสุดคือ การลงทุนครั้งใหญ่ด้าน AI ร่วมกับสหรัฐ และยุโรป ซึ่งสะท้อนวิสัยทัศน์ที่มุ่งสู่การ “ซื้ออนาคต” ผ่านความรู้และเทคโนโลยีล้ำสมัย
“การพัฒนาทุนมนุษย์ในยุคของปัญญาประดิษฐ์นั้นเป็นเรื่องสำคัญ หากประเทศใดต้องการเก็บเกี่ยวประโยชน์สูงสุดจาก AI ประเทศนั้นจะต้องเดินหน้าอย่างจริงจังในการดำเนินโครงการด้านการศึกษาและฝึกอบรมครั้งใหญ่ ซึ่งต้องรวมถึงการส่งเสริมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงการพัฒนาทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์” ชีค นาห์ยาน บิน มูบารัก อัล นาห์ยาน รัฐมนตรีกระทรวงความอดทนและการอยู่ร่วมกันแห่ง UAE กล่าว
สำหรับ “แขนขาการลงทุน” ที่ครอบครัวอัล นาห์ยานใช้ มีดังนี้
- Abu Dhabi Investment Authority (ADIA) ซึ่งเป็นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของ UAE มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารราว 1.058 ล้านล้านดอลลาร์ เน้นลงทุนด้าน AI พลังงานสะอาด โครงสร้างพื้นฐาน และอสังหาริมทรัพย์
- International Holding Company (IHC) บริษัทโฮลดิ้งของ UAE ที่มีรายได้หลักจากการถือหุ้นในบริษัทอื่น ๆ มากกว่าจากการประกอบธุรกิจของตนเอง มีสินทรัพย์รวม 109,000 ล้านดอลลาร์ และมีบริษัทย่อยกว่า 400 แห่งในกว่า 50 ประเทศ ครอบคลุมภาคเกษตรกรรม ปัญญาประดิษฐ์ อวกาศ และโลจิสติกส์
- Group 42 Holding Ltd (G42) บริษัทโฮลดิ้งลงทุนด้าน AI และคลาวด์ มีพันธมิตรหลักเป็น OpenAI, Inception AI, Microsoft และห้องแล็บชั้นนำระดับโลกอื่น ๆ
- First Abu Dhabi Bank (FAB) ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของ UAE เป็นแหล่งเงินทุนสำคัญ โดยมีสินทรัพย์รวม 327,000 ล้านดอลลาร์
- MGX (MGX Fund Management Limited) บริษัทกองทุนเทคโนโลยีระดับชาติ มูลค่ากว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ เน้นการลงทุนชิป เทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน AI และคลาวด์
- ADQ หนึ่งในบริษัทโฮลดิ้งที่ใหญ่ที่สุดใน UAE มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารประมาณ 225,000 ล้านดอลลาร์ โดยมีพอร์ตการลงทุนหลากหลาย ตั้งแต่อาหาร เกษตรกรรม ยา พลังงาน สาธารณสุข การขนส่ง โลจิสติกส์ และฟินเทค
ไม่เพียงเท่านั้น UAE ยังตั้ง “มหาวิทยาลัยปัญญาประดิษฐ์โมฮัมเหม็ด บิน ซาเยด” (Mohamed Bin Zayed University of Artificial Intelligence : MBZUAI) ซึ่งเป็นสถาบันระดับบัณฑิตศึกษา ที่มุ่งเน้นการวิจัย ตั้งอยู่ในกรุงอาบูดาบี UAE โดยได้เปิดหลักสูตรระดับปริญญาตรีเป็นครั้งแรกในเดือนมีนาคม ปี 2025
เพื่อดึงดูดบุคลากรด้าน AI มหาวิทยาลัย MBZUAI เสนอแพ็กเกจค่าตอบแทนที่เอื้อเฟื้อกว่าสถาบันระดับแนวหน้าทั่วโลก ตามคำกล่าวของเอลิซาเบธ เชอร์ชิลล์ ซึ่งลาออกจาก Google เมื่อปีที่แล้วเพื่อมาก่อตั้งภาควิชาปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ที่นี่
เธอยังกล่าวว่า ความสนใจของ MBZUAI ในการแหวกออกจาก “วัฒนธรรมภาษาอังกฤษที่ครอบงำ” เป็นอีกหนึ่งจุดที่ดึงดูดใจ โดยก่อนหน้านั้น สถาบันแห่งนี้ได้เปิดตัวโมเดลภาษาขนาดใหญ่ ซึ่งเธออธิบายว่าเป็น “โมเดลภาษาอาหรับที่ล้ำหน้าที่สุดในโลก”
อ้างอิง: guardian, investopedia, cnbc, uae, linkedin, mgx, bloomberg, falcon, bloom, reuters, aletihad






