อันเนื่องมาจาก โฮเซ มูฮิกา ประธานาธิบดีที่จนที่สุดในโลก

อันเนื่องมาจาก โฮเซ มูฮิกา ประธานาธิบดีที่จนที่สุดในโลก

การถึงแก่กรรมของ “โฮเซ มูฮิกา” อดีตประธานาธิบดีของอุรุกวัยซึ่งเป็นประเทศขนาดเล็กในละตินอเมริกาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นข่าวใหญ่ของหลายสำนักรวมทั้งบีบีซี

ปัจจัยที่ส่งให้เขาเป็นข่าวใหญ่ ได้แก่ ในช่วงที่เขาเป็นประธานาธิบดีจากปี 2553 ถึง 2558 ข้อมูลบ่งว่าเขามีทรัพย์สินน้อยที่สุดในบรรดาประธานาธิบดีและนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้นำฝ่ายบริหารของรัฐบาลทั่วโลก

อุรุกวัยเป็น 1 ใน 12 ประเทศของทวีปอเมริกาใต้ ตั้งอยู่ระหว่างอาร์เจนตินา บราซิลและมหาสมุทรแอตแลนติก เมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน อุรุกวัยเล็กมากทั้งในด้านพื้นที่และจำนวนประชากรเพียง 3.5 ล้านคน ในขณะที่อาร์เจนตินามีกว่า 47 ล้านคนและบราซิลมีกว่า 212 ล้านคน

อย่างไรก็ดี อุรุกวัยเป็นหนึ่งในประเทศเล็กพริกขี้หนูแบบเดียวกับสิงคโปร์อย่างแท้จริง โดยเฉพาะในด้านฟุตบอลเนื่องจากชนะฟุตบอลโลกถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกชนะอาร์เจนตินาและครั้งที่สองชนะบราซิล ซึ่งเป็นสองยักษ์ใหญ่ในเวทีฟุตบอลโลก โดยอาร์เจนตินาชนะ 3 ครั้งและบราซิลชนะมากที่สุดถึง 5 ครั้ง

โดยทั่วไป อุรุกวัยก้าวหน้าและมีดัชนีชี้วัดว่าพัฒนาสูงกว่าประเทศในทวีปอเมริกาใต้มาก จึงได้สมญาว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์ของทวีปนั้น ปัจจัยที่ทำให้อุรุกวัยต่างกับประเทศในทวีปอเมริกาใต้ ได้แก่ คุณภาพของประชาชน

คุณภาพในที่นี้มิได้หมายความว่าพวกเขามีการศึกษาถึงระดับปริญญาในอัตราสูง หากหมายความว่านอกจากจะมีการศึกษาในระดับพื้นฐานเพียงพอกับการประกอบอาชีพแล้ว ชาวอุรุกวัยมีความซื่อตรงต่อกฎเกณฑ์ของสังคมมากกว่าชาวอเมริกาใต้ด้วยกัน 

ข้อมูลในด้านนี้ ได้แก่ ดัชนีชี้วัดระดับความโปร่งใสในสังคมขององค์กรเอกชนชื่อ ความโปร่งใสสากล ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ข้อมูลขององค์กรนี้บ่งว่า ล่าสุด อุรุกวัยได้คะแนน 76 ซึ่งหมายความว่ามีความโปร่งใสสูงมาก จึงรั้งอันดับที่ 13 ในบรรดา 180 ประเทศทั่วโลก

นอกจากจะมีความโปร่งใสสูงจนทิ้งประเทศในทวีปอเมริกาใต้ด้วยกันแบบไม่เห็นฝุ่นแล้ว อุรุกวัยยังมีความโปร่งใสสูงกว่าประเทศก้าวหน้าซึ่งเป็นที่ยอมรับว่าพัฒนาสูงเป็นส่วนใหญ่อีกด้วย

รวมทั้งญี่ปุ่นและสหราชอาณาจักร (71) ฝรั่งเศส (67) และสหรัฐอเมริกา (65) [คงเป็นที่รับรู้กันทั่วไปแล้วว่าไทยได้คะแนน 34 ซึ่งเป็นอันดับที่ 107 และสิงคโปร์ได้ 84 ซึ่งเป็นอันดับที่ 3]

ความโปร่งใสเป็นปัจจัยหมายเลข 1 ที่ทำให้การปกครองของอุรุกวัยเป็นประชาธิปไตยใกล้อุดมการณ์มากกว่าในประเทศต่าง ๆ เป็นส่วนใหญ่ที่ประกาศว่าตนใช้ระบอบนั้น ความโปร่งใสและความเป็นประชาธิปไตยใกล้อุดมการณ์คือ ปัจจัยที่ทำให้ชาวอุรุกวัยเลือกนายโฮเซ มูฮิกา เป็นประธานาธิบดี เขาได้รับเลือกเพราะอุดมการณ์ ความซื่อตรงและความสามารถมากกว่าการใช้ทรัพย์สินซื้อ หรือหาเสียง

ตอนเป็นประธานาธิบดี เขาไม่ได้ย้ายไปอยู่ในทำเนียบอันหรูหรา หากยังอาศัยอยู่ในบ้านหลังย่อมกับภรรยาซึ่งมีที่ดินแปลงเล็ก ๆ สำหรับปลูกดอกไม้ขายอยู่ในย่านชานเมืองหลวง

เขารายงานว่าเขามีสมบัติเพียง 2 อย่างในช่วงนั้นคือ จักรยานอายุ 60 ปีและรถยนต์เก่า ๆ ราคาราว 1,800 ดอลลาร์ เขาบริจาคราว 90% ของเงินเดือน ๆ ละ 12,000 ดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือคนจนและผู้ประกอบการขนาดจิ๋ว

ในขณะที่ความโปร่งใสส่งผลให้อุรุกวัยไม่ค่อยมีปัญหาสาหัส การไร้ความโปร่งใสในเวเนซุเอลาซึ่งได้คะแนนแค่ 10 หรือต่ำสุดในบรรดาประเทศอเมริกาใต้ทั้งหมดส่งผลให้ประเทศนี้มีปัญหาหนักหนาสาหัสต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน

ทั้งที่มีทรัพยากรธรรมชาติหลากหลายและมากกว่าประเทศในอเมริกาใต้ด้วยกันโดยเฉพาะน้ำมันปิโตรเลียม แทนที่จะเป็นปัจจัยทำให้ประเทศพัฒนา น้ำมันทำให้เวเนซุเอลาแทบไม่มีความโปร่งใสส่งผลให้ประชาชนแต่ละคนมีรายได้เฉลี่ยเพียงปีละราว 2,000 ดอลลาร์

ในขณะที่ชาวอุรุกวัยมีมากกว่าราว 8 เท่า การปกครองในอุรุกวัยเป็นประชาธิปไตยใกล้อุดมการณ์ แต่เวเนซุเอลายังใช้ระบบเผด็จการแนวลับลวงพรางที่มาจากการใช้การเลือกตั้งบังหน้า เมื่อข้อมูลเป็นเช่นที่อ้างมานี้

ข้อสรุปคงจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากความโปร่งใส คือ ปัจจัยพื้นฐานของการพัฒนาและการเป็นประชาธิปไตย หากเพิ่มความโปร่งใสในสังคมไม่ได้ ประเทศกำลังพัฒนาจะไม่สามารถพัฒนาต่อไปได้มากนัก หรือหยุดชะงักก็ได้