กาลาคอนเสิร์ต‘คาซัคสถาน’ จังหวะแห่งทุ่งหญ้าสเตปป์

การจะรู้จักประเทศใดประเทศหนึ่งให้ดียิ่งขึ้น นอกเหนือจากการไปเยี่ยมเยือนถึงที่ บางครั้งการได้ฟังดนตรีชมการแสดงทางวัฒนธรรมก็ช่วยให้เข้าใจกันได้
สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐคาซัคสถานประจำประเทศไทยร่วมกับวงดนตรีพื้นบ้าน “Katyusha” ร่วมกันจัดคอนเสิร์ต “คาซัคสถาน: จังหวะแห่งทุ่งหญ้าสเตปป์” ณ Concert Hall อาคารอุทยานการเรียนรู้ป๋วย 100 ปี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันก่อนถือเป็นการจัดกาลาคอนเสิร์ตวัฒนธรรมคาซัคครั้งแรกในประเทศไทย ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ผู้ชมกว่า 500 คน ทั้งนักการทูต บริษัทข้ามชาติ นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไป ร่วมชมลีลาของนักแสดงเยาวชนกว่า 200 คนจากคณะ “Katyusha” เต้นรำพื้นเมืองของคาซัคสถานอย่างงดงามตราตรึงใจ ด้วยท่วงท่าอันประณีต เครื่องแต่งกายสีสันสดใส ความมีชีวิตชีวาบนเวทีสะท้อนถึงความเคารพวัฒนธรรมดั้งเดิมอย่างลึกซึ้ง
หนึ่งในช่วงเวลาที่โดดเด่นที่สุดของค่ำคืนคือการแสดงดนตรีสดด้วยดอมบราซึ่งสามารถถ่ายทอดจิตวิญญาณแห่งทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ของคาซัคสถานสู่ใจผู้ชมได้อย่างไม่มีตกหล่น
ความอลังการบนเวทียังได้นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ร่วมแสดงการเต้นรำพื้นเมืองของไทยด้วย เป็นภาพงดงามสะท้อนการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและความเคารพซึ่งกันและกันระหว่างสองประเทศ
“ค่ำคืนนี้เป็นช่วงเวลาอันพิเศษและมีความหมายอย่างยิ่งสำหรับประเทศคาซัคสถาน พวกเราภูมิใจที่ได้แบ่งปันวัฒนธรรมของเราแก่ทุกท่าน ผ่านเสียงดนตรี การเต้นรำ เครื่องแต่งกายพื้นเมือง และจิตวิญญาณแห่งทุ่งหญ้าอันยิ่งใหญ่ของคาซัคสถาน วันนี้ เราได้สร้างสะพานแห่งมิตรภาพ ไม่เพียงแต่ในมิติของการเมืองและเศรษฐกิจ แต่ผ่านเส้นทางที่อบอุ่นและเป็นมนุษย์ที่สุด นั่นคือเส้นทางของวัฒนธรรม” อาร์มัน อิสเซตอฟ เอกอัครราชทูตคาซัคสถานประจำประเทศไทยกล่าวเปิดงาน
สำหรับ “Katyusha”เป็นสถาบันสอนศิลปะการเต้นพื้นบ้านของภูมิภาคยูเรเชียเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย เด็กไทยกว่า 500 คนเข้าร่วมเรียนรู้ศิลปะการแสดงพื้นเมืองมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 15ปี โดยได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการและท้องถิ่น หนึ่งในจุดเด่นของหลักสูตรคือการเต้นรำพื้นเมืองของคาซัคสถาน ซึ่งปัจจุบันมีนักเรียนกว่า 150คนกำลังศึกษาอยู่
การเรียนการสอนไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ทักษะด้านการเต้นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ขนบธรรมเนียม นิทานพื้นบ้าน ความหมายของบทเพลง และลวดลายประจำชาติ โดยเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับศีรษะ เช่นเซาเคเล (Saukele) ล้วนถูกตัดเย็บด้วยมือโดยช่างฝีมือชาวไทยอย่างพิถีพิถันตามหลักชาติพันธุ์วิทยา
การแสดงในค่ำคืนนั้นประกอบด้วยโชว์หลากหลายชุด รวมถึงระบำ“อัคกู”ที่อ่อนช้อยและเปี่ยมด้วยความงามทางบทกวี จนเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กผู้หญิงชาวไทยหลายคน และยังมีการแสดงอันวิจิตรงดงามอย่าง อารูลา ,ซิลกีดัก,เคอร์เบซ สุลู และ คารา จอร์กา สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายและความลุ่มลึกของมรดกการเต้นรำพื้นบ้านคาซัคสถาน
งานกาลาคอนเสิร์ตได้กลายเป็นงานเฉลิมฉลองแห่งมิตรภาพและวัฒนธรรมอย่างแท้จริง คอนเสิร์ตไม่เพียงแต่แนะนำมรดกอันล้ำค่าของคาซัคสถานให้แก่ชาวไทยเท่านั้น แต่ยังยืนยันอย่างชัดเจนว่า “ภาษาของศิลปะ” นั้นไร้พรมแดน และเข้าถึงหัวใจของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นวัยใด เชื้อชาติใด หรือมาจากประเทศใด







